ความเคลื่อนไหวของบริษัทจดทะเบียนไทยในช่วงไม่กี่สัปดาห์ผ่านมานี้ นักลงทุนอาจจะเห็นถึงข่าวบริษัทขนาดใหญ่หลายๆเจ้าได้ปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ อย่างการควบรวมกันระหว่างบริษัท ซึ่งในวันนี้เราจึงอยากจะไปย้อนรอยกับดีลขนาดใหญ่และเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุนกัน
โดยเริ่มกันกับบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ในไทยอย่าง บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT ที่ได้ประกาศการควบรวม Makro และ Lotus จากที่ปัจจุบันแยกเป็นสองบริษัทอยู่ โดย Lotus (Ek-Chai company) เป็นบริษัทลูกที่ CPAXT ถือหุ้น 99.99% ซึ่งหลังควบรวมจะเข้าเป็นบริษัทเดียวกันคือ Newco ธุรกรรมการควบบริษัทจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4/67
สำหรับผลลัพธ์จากการควบรวมจะช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันทั้งในประเทศและในระดับภูมิภาค, เพิ่มประสิทธิภาพและความคล่องตัวในการดำเนินงานธุรกิจ เพิ่มโอกาสในการต่อยอดธุรกิจ และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทางการเงิน ทั้งในด้านการบริหารกระแสเงินสด การวางแผนและการจัดหาเงินลงทุน
ต่อมาเป็นอีกหนึ่งดีลที่ประกาศได้ไม่นาน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ที่จะควบรวมกับบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH ซึ่งภายหลังการควบรวมจะมีสถานะเป็น NewCo ทั้งนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2/68
โดยวัตถุประสงค์หรือประโยชน์ของดีลดังกล่าว จะช่วยลดความซับซ้อนของโครงสร้างการถือหุ้น ซึ่งจะช่วยให้การบริหารธุรกิจมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นำไปสู่ความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ สร้างพอร์ตโฟลิโอทางธุรกิจที่มีความสมดุลของรายได้และกำไรที่มาจากทั้งธุรกิจพลังงาน โครงสร้างพื้นฐาน และธุรกิจดิจิทัล รวมไปถึงฐานะทางการเงินและกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งมากขึ้น
สุดท้ายล่าสุดกับ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ที่ได้ประกาศเพิ่มทุนกว่า 1.3 หมื่นล้านบาทเพื่อเข้าซื้อหุ้นเพิ่มเติมในบริษัท ร็อคเทค โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ ROCTEC และบริษัท แรบบิท โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ RABBIT
สำหรับผลประโยชน์จากการดีล ROCTEC จะช่วยสนับสนุนธุรกิจและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่บริษัท จากบริการโซลูชันด้านการสื่อสารในระบบขนส่งมวลชนทางรางแถบทวีปเอเชียให้แก่ผู้ให้บริการระบบขนส่งหลายราย ทั้งระบบขนส่งทางรางและสนามบิน
ส่วน RABBIT จะเป็นธุรกิจที่สามารถเพิ่มผลตอบแทนให้แก่บริษัทในระยะยาวได้ และการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในทำให้บริษัทสามารถกำหนดทิศทางการดำเนินธุรกิจของ RABBIT ได้ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเงินและมีความน่าสนใจ
โดยเริ่มกันกับบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ในไทยอย่าง บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT ที่ได้ประกาศการควบรวม Makro และ Lotus จากที่ปัจจุบันแยกเป็นสองบริษัทอยู่ โดย Lotus (Ek-Chai company) เป็นบริษัทลูกที่ CPAXT ถือหุ้น 99.99% ซึ่งหลังควบรวมจะเข้าเป็นบริษัทเดียวกันคือ Newco ธุรกรรมการควบบริษัทจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4/67
สำหรับผลลัพธ์จากการควบรวมจะช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันทั้งในประเทศและในระดับภูมิภาค, เพิ่มประสิทธิภาพและความคล่องตัวในการดำเนินงานธุรกิจ เพิ่มโอกาสในการต่อยอดธุรกิจ และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทางการเงิน ทั้งในด้านการบริหารกระแสเงินสด การวางแผนและการจัดหาเงินลงทุน
ต่อมาเป็นอีกหนึ่งดีลที่ประกาศได้ไม่นาน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ที่จะควบรวมกับบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH ซึ่งภายหลังการควบรวมจะมีสถานะเป็น NewCo ทั้งนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2/68
โดยวัตถุประสงค์หรือประโยชน์ของดีลดังกล่าว จะช่วยลดความซับซ้อนของโครงสร้างการถือหุ้น ซึ่งจะช่วยให้การบริหารธุรกิจมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นำไปสู่ความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ สร้างพอร์ตโฟลิโอทางธุรกิจที่มีความสมดุลของรายได้และกำไรที่มาจากทั้งธุรกิจพลังงาน โครงสร้างพื้นฐาน และธุรกิจดิจิทัล รวมไปถึงฐานะทางการเงินและกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งมากขึ้น
สุดท้ายล่าสุดกับ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ที่ได้ประกาศเพิ่มทุนกว่า 1.3 หมื่นล้านบาทเพื่อเข้าซื้อหุ้นเพิ่มเติมในบริษัท ร็อคเทค โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ ROCTEC และบริษัท แรบบิท โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ RABBIT
สำหรับผลประโยชน์จากการดีล ROCTEC จะช่วยสนับสนุนธุรกิจและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่บริษัท จากบริการโซลูชันด้านการสื่อสารในระบบขนส่งมวลชนทางรางแถบทวีปเอเชียให้แก่ผู้ให้บริการระบบขนส่งหลายราย ทั้งระบบขนส่งทางรางและสนามบิน
ส่วน RABBIT จะเป็นธุรกิจที่สามารถเพิ่มผลตอบแทนให้แก่บริษัทในระยะยาวได้ และการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในทำให้บริษัทสามารถกำหนดทิศทางการดำเนินธุรกิจของ RABBIT ได้ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเงินและมีความน่าสนใจ