Talk of The Town
MINT โดนแรงขาย ผิดหวังงบต่ำกว่าคาด เพราะค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยและภาษีที่สูง นักวิเคราะห์ หั่นเป้าหมายเหลือ 38.50 บาท
06 สิงหาคม 2567
บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT เปิดเผยภาพรวมไตรมาส 2/67 มีกำไรสุทธิ 2,823 ล้านบาท ลดลงราว 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้น 146% จากไตรมาสก่อน โดยนักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มองว่า ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 3,579 ล้านบาท จึงได้ปรับลดราคาพื้นฐานด้วย P/E เฉลี่ย 5 ปี ที่ 24.44 จาก 41.25 บาทต่อหุ้น เป็น 38.50 บาทต่อหุ้นคงคำแนะนำ “ซื้อ”
ทั้งนี้การที่กำไรบวกจากไตรมาสก่อน เป็นผลมาจาก Seasonal ด้านการก่องเกี่ยวที่เป็น High Season ในยุโรปช่วงไตรมาส 2-3 และการที่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากปัญหาอัตราแลกเปลี่ยนทำให้บริษัทมีต้นทุนเพิ่มขึ้นขึ้นกว่า 289 ล้านบาท ซึ่งต่างจากปีที่แล้วที่กำไร 872 ล้านบาท
โดยในไตรมาส 2/67 ธุรกิจโรงแรมสามารถทำรายได้ที่ 80% ของรายได้รวม และ 58% ของกำไรรวม มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยที่ 69% เพิ่มขึ้น 1% จากปีก่อน ขณะที่ ARR ในไตรมาส 2/67 อยู่ที่ 6,354 บากต่อคืน เพิ่มขึ้น 11% จากปีก่อน และมี ReVPAR ที่ 4.373 บากต่อคืน หรือเพิ่มขึ้น 12% จากปี้ก่อน เนื่องด้วยมีความต้องการใช้ห้องพักในเยอรมนี เป็นพิเศษจากการจัดกิจกรรมฟุตบอลยูโรที่จัดขึ้นในไตรมาส 2
ส่วนธุรกิจร้านอาหารทำรายได้ที่ 20% ของรายได้รวม และ 42% ของกำไรรวม โดยมีค่า SSS ลดลง 2.8% แต่การเปิดสาขาใหม่ทำให้มีค่า TSS เพิ่มขึ้น 2.5%
เช่นเดียวกับนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด มองกำไรต่ำกว่าประมาณการของฝ่ายวิจัย โดยมีสาเหตุหลักจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยและภาษีที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ความแตกต่างที่สำคัญอื่นๆ จากที่คาดการณ์ไว้รวมถึงผลกระทบจากการประเมินมูลค่าใหม่จากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งถูกชดเชยด้วยค่าใช้จ่าย SGA ที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ และกำไรขั้นต้นที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้
แต่ไตรมาส 3/67 ควรจะเป็นอีกหนึ่งไตรมาสที่แข็งแกร่งตามฤดูกาลสำหรับ MINT และผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนที่รุนแรงที่เห็นในไตรมาส 2/67 ไม่น่าจะเกิดขึ้นซ้ำ โดยไม่คาดหวังการเพิ่มขึ้นอย่างมากจากโอลิมปิกหรือยูโร แต่สังเกตว่าการอัพเกรดแบรนด์ควรจะยังคงเป็นประโยชน์ต่อพอร์ตโรงแรมของบริษัท
โดยโรงแรมในสหภาพยุโรปและละตินอเมริกา รวมถึงในประเทศไทยยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนผลการดำเนินงานหลักของ MINT ในขณะที่ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ลดลงควรสนับสนุนการเติบโตของกำไรในอนาคต ทั้งนี้ คงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับ MINT โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 39.00 บาท
ทั้งนี้การที่กำไรบวกจากไตรมาสก่อน เป็นผลมาจาก Seasonal ด้านการก่องเกี่ยวที่เป็น High Season ในยุโรปช่วงไตรมาส 2-3 และการที่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากปัญหาอัตราแลกเปลี่ยนทำให้บริษัทมีต้นทุนเพิ่มขึ้นขึ้นกว่า 289 ล้านบาท ซึ่งต่างจากปีที่แล้วที่กำไร 872 ล้านบาท
โดยในไตรมาส 2/67 ธุรกิจโรงแรมสามารถทำรายได้ที่ 80% ของรายได้รวม และ 58% ของกำไรรวม มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยที่ 69% เพิ่มขึ้น 1% จากปีก่อน ขณะที่ ARR ในไตรมาส 2/67 อยู่ที่ 6,354 บากต่อคืน เพิ่มขึ้น 11% จากปีก่อน และมี ReVPAR ที่ 4.373 บากต่อคืน หรือเพิ่มขึ้น 12% จากปี้ก่อน เนื่องด้วยมีความต้องการใช้ห้องพักในเยอรมนี เป็นพิเศษจากการจัดกิจกรรมฟุตบอลยูโรที่จัดขึ้นในไตรมาส 2
ส่วนธุรกิจร้านอาหารทำรายได้ที่ 20% ของรายได้รวม และ 42% ของกำไรรวม โดยมีค่า SSS ลดลง 2.8% แต่การเปิดสาขาใหม่ทำให้มีค่า TSS เพิ่มขึ้น 2.5%
เช่นเดียวกับนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด มองกำไรต่ำกว่าประมาณการของฝ่ายวิจัย โดยมีสาเหตุหลักจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยและภาษีที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ความแตกต่างที่สำคัญอื่นๆ จากที่คาดการณ์ไว้รวมถึงผลกระทบจากการประเมินมูลค่าใหม่จากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งถูกชดเชยด้วยค่าใช้จ่าย SGA ที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ และกำไรขั้นต้นที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้
แต่ไตรมาส 3/67 ควรจะเป็นอีกหนึ่งไตรมาสที่แข็งแกร่งตามฤดูกาลสำหรับ MINT และผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนที่รุนแรงที่เห็นในไตรมาส 2/67 ไม่น่าจะเกิดขึ้นซ้ำ โดยไม่คาดหวังการเพิ่มขึ้นอย่างมากจากโอลิมปิกหรือยูโร แต่สังเกตว่าการอัพเกรดแบรนด์ควรจะยังคงเป็นประโยชน์ต่อพอร์ตโรงแรมของบริษัท
โดยโรงแรมในสหภาพยุโรปและละตินอเมริกา รวมถึงในประเทศไทยยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนผลการดำเนินงานหลักของ MINT ในขณะที่ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ลดลงควรสนับสนุนการเติบโตของกำไรในอนาคต ทั้งนี้ คงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับ MINT โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 39.00 บาท