Talk of The Town

วัดใจ! ผู้ถือหุ้น BTS-SGC หลังประกาศเพิ่มทุนครั้งใหญ่ แต่ราคากระดาน ยังต่ำกว่าราคาเพิ่มทุน


08 สิงหาคม 2567
เกาะติดสถานการณ์การเพิ่มทุนครั้งใหญ่ของ 2 บริษัทชื่อดังอย่าง บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGC และบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS 

S2T (เว็บ) กวัดใจ! ผู้ถือหุ้น BTS-SGC_0.jpg

โดยล่าสุด SGC เคาะราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายถืออยู่ โดยไม่จัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นที่จะทำให้บริษัทมีหน้าที่ตามกฎหมายต่างประเทศ (“การเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น”) ที่ราคาเสนอขายหุ้นละ 1.30 บาท แต่ขณะที่ราคาปิดเมื่อวันที่ 7 ส.ค.67 อยู่ที่ 1.15 บาท

วันจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นตามสัดส่วนการถือหุ้น และวันจัดสรรใบสำคัญ แสดงสิทธิ SGC-W2 ให้แก่ผู้ที่จองซื้อและได้รับจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนตาม คือวันที่ 3- 9 กันยายน 2567 (รวม 5 วันทำการ)

ส่วนราคาใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิจะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทครั้งที่ 1 (SGC-W1) เท่ากับ 1.30 บาท และราคาใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิจะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทครั้งที่  2 (SGC-W2) เท่ากับ 1.60 บาท

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) มองว่า การเพิ่มทุนจะนำเงินไปใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมจาก SINGER  โดยราคาหุ้นเพิ่มทุนสูงกว่าราคาตลาด  ในกรณีที่ผู้ใช้สิทธิมีเฉพาะ บริษัทในเครือ (SINGER 75%, JMART 5%) จะได้เงินราว 3.4 พันล้านบาท  (ไม่รวม W1+W2) 

แต่ในกรณีที่ผู้ถือหุ้นใช้สิทธิเพิ่มทุน PPO ทั้งหมด 100% (คล้าย RO คือจัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิม แต่จุดต่างคือ ไม่จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นที่จะทำให้มีหน้าที่ตามกฎหมายต่างประเทศ)  ใน SGC จะได้เงินเพิ่มราว 4.3 พันล้านบาท

ส่วน BTS เมื่อไม่นานมานี้ประกาศเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (RO) จำนวน 2,926,141,881 หุ้น ในอัตราการจัดสรร 4.5 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ (กรณีเกิดเศษจากการคำนวณตามอัตราการจัดสรร ให้ปัดเศษของหุ้นนั้นทิ้ง) ในราคาเสนอขายหุ้นละ 4.50 บาท แต่ราคาปิดวันที่ 7 ส.ค.67 อยู่ที่ระดับ 3.76 บาท โดยกำหนดระยะเวลาจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนในวันที่ 17 – 18 ตุลาคม 2567, 21 – 22 ตุลาคม 2567 และ 24 ตุลาคม 2567 (รวม 5 วันทำการ)  

สรุปคือ การเพิ่มทุนดังกล่าว ของทั้ง 2 บริษัทมีราคาเพิ่มทุนที่สูงกว่าราคาบนกระดาน ขณะที่ราคาหุ้นของทั้ง 2 บริษัทผันผวนอย่างมาก ดังนั้นต้องจับตากันอย่างใกล้ชิดว่าผู้ถือหุ้นจะใส่เงินเพิ่มทุนหรือไม่ และทั้ง 2 บริษัทจะระดมทุนได้ตามเป้าหมายแค่ไหน อีกไม่นานเกินรอได้รู้กันแน่นอน