รายงานพิเศษ : กำไร SFLEX เติบโตโดดเด่น “บริหารต้นทุนดี-เน้นผลิตสินค้ากำไรขั้นต้นสูง”
แม้เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยหลายอย่างจะไม่สดใส แต่สำหรับผลงานบมจ.สตาร์เฟล็กซ์ (SFLEX) ยังเติบโตต่อเนื่อง จากการบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบได้ดี กลยุทธ์การผลิตสินค้าที่มีกำไรขั้นต้นสูง รับรู้ส่วนแบ่งการลงทุนในเวียดนาม และการผลิตสินค้าประเภทรักษ์โลก หนุนผลงานปีนี้ทำสถิติใหม่ต่อเนื่อง
บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บมจ.สตาร์เฟล็กซ์ (SFLEX) โดยคาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 2/67 อยู่ที่ 60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% จากปีก่อน แต่ลดลงเล็กน้อย 5% จากไตรมาสก่อน
เราประมาณการยอดขายไตรมาส 2/67 จะทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนที่ประมาณ 480 ล้านบาท และคาดว่าจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นในระดับสูงที่ 24% เช่นเดียวกับ ไตรมาส 1/67 เป็นผลมาจากการบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบอย่างมีประสิทธิภาพ การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และการมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงแทนผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำ
นอกจากนี้ คาดว่า SFLEX จะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจากโครงการร่วมทุนในเวียดนามกับ SCGP ประมาณ 5 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นจาก 2.6 ล้านบาทในไตรมาส 1/67) เราคาดว่าแนวโน้มส่วนแบ่งกำไรจากโครงการนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาส 3/67 เป็นประมาณ 7-10 ล้านบาท เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจกล่องระดับพรีเมียมในเวียดนาม
นอกจากนี้ เราคาดว่าความต้องการ Flexible packaging จะเร่งตัวขึ้นในไตรมาส 4/67 – ไตรมาส 1/68 จากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1.Upside จากโครงการ ดิจิทัลวอลเล็ต ลูกค้าหลักของ SFLEX คือผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น Unilever, เครือสหพัฒน์, NEO และ I.P.One เป็นต้น
ทั้งนี้ประเมินว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะเป็นเป้าหมายของการใช้จ่ายผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งเป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในไตรมาส 4/67 ด้วยงบประมาณมหาศาลกว่า 4.5 แสนล้านบาท คาดว่าจะช่วยกระตุ้นความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาส 4/67 ต่อเนื่องถึงไตรมาส 1/68 ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อFlexible packaging ของ SFLEX
2.) Upside จากผลิตภัณฑ์รักษ์โลก สามารถ Recycle ได้เราปรับปรุงประมาณการฯ เพื่อสะท้อนข้อมูลใหม่เกี่ยวกับอัตรากำไร ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย และสิทธิประโยชน์ทางภาษี อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงประมาณการของเราสำหรับปี 2567-2568 อย่างมีนัยสำคัญ
โดยคาดการณ์กำไรสำหรับปี 2567-2568 ที่ 238ล้านบาทและ 257ล้านบาทตามลำดับ อย่างไรก็ตาม เราประเมินว่าประมาณการปี 2568 ของเรามี Upside จากแนวความคิดเรื่อง Sustainability ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยองค์กร Circular Economy for Flexible Packaging (CEFLEX) มีเป้าหมายที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์ Flexiblepackaging ในยุโรป 100%ให้สามารถรีไซเคิลได้โดยเป็นวัสดุ Mono-material ภายในปี 2568
ปัจจุบัน SFLEX ผลิต Flexible packaging ที่ Recycle ได้ประมาณ 20% ของการผลิตทั้งหมด เราคาดว่าลูกค้าของ SFLEX ซึ่งเป็นบริษัทข้ามชาติจะเพิ่มคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ Mono-material เพิ่มขึ้นอย่างมากในปี 2568 ซึ่งจะส่งผลดีต่ออัตรากำไรขั้นต้นของ SFLEX
Valuation ที่ค่อนข้างต่ำ โดย Forward PE เพียง 11.5 เท่า หรือราว -1.2 S.D. ของค่าเฉลี่ยในอดีต เราจึงคงคำแนะนำ "ซื้อ" เรายังคงราคาเป้าหมายที่ 5.8 บาท โดยอิงจาก forward PE 20 เท่า ซึ่งสะท้อนถึง -0.65 S.D. ทั้งนี้เราได้คำนวณด้วยวิธี DCF เพื่อยืนยันว่า ราคาเป้าหมายของเรามีความเหมาะสม ราคาเป้าหมายด้วยวิธี DCF อยู่ที่ 6.0 บาท (WACC 6% และอัตราการเติบโตระยะยาว 3%)
ด้ายนายสมโภชน์ วัลยะเสวี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SFLEX ระบุว่า บริษัทคงเป้าหมายรายได้แบบ Organic growth จากธุรกิจหลักอยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาทในปีนี้ เติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน และสร้างสถิติสูงสุดใหม่ จากแผนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจมุ่งเน้นการขายสินค้าที่มีมูลค่าสูง
เจาะกลุ่มลูกค้าที่มีการเติบโตต่อเนื่อง และกลุ่มที่มีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มความยั่งยืน หรือแพคเกจจิ้งที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ (Recyclable) ให้มากยิ่งขึ้นตามเทรนด์ในปัจจุบัน พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าอย่างครบวงจร
นอกจากนี้ ยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุน Starprint Vietnam JSC ในประเทศเวียดนาม และคาดว่าบริษัทร่วมทุน บริษัท สตาร์ยูเนี่ยน แพคเกจจิ้ง จำกัด จะสามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ประมาณไตรมาส 4/67 ทำให้เชื่อมั่นว่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนผลการดำเนินงานของบริษัทเติบโตแข็งแกร่ง ยกระดับ SFLEX และเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันในภูมิภาคอาเซียน และสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว