Talk of The Town

จับตานโนบายรัฐบาลส่อแววล่าช้า! เมื่อ “เศรษฐา” หลุดนายกรัฐมนตรี


09 สิงหาคม 2567
การเมืองไทยยังร้อนแรงไม่หยุด! ล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉัณฑ์ 9:0 ยุบพรรคก้าวไกล และและตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค ในการสมัครรับเลือกตั้งเป็นระยะเวลา 10 ปี แต่ประเด็นการเมืองยังไม่จบ เพราะนักลงทุนให้น้ำหนักวันที่ 14 ส.ค.67 คือ คดีถอดถอน เศรษฐา ทวีสิน นายกรับมนตรีของไทย

จับตานโนบายรัฐบาล copy.jpg

แต่ถ้าวันที่ 14 ส.ค.67 ผลลัพธ์ออกมาในแง่บวก นักวิเคราะห์ต่างมองว่าตลาดหุ้นไทยจะตอบรับในเชิงบวก  แต่ถ้าในทางตรงกันข้าม จะมีความเสี่ยงนโยบายของรัฐบาลมีโอกาสทำให้ล่าช้าออกไปได้ ดังนั้นครั้งนี้ทีมข่าวจึงได้รวบรวมความคืบหน้านโยบายของรัฐบาลมาฝากนักลงทุน

ในมุมมองของนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ประเมินไว้อย่างน่าสนใจ โดยกรณีศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉัณฑ์ 9 ต่อ 0 ยุบพรรคก้าวไกล และและตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคในการสมัครรับเลือกตั้ง (ดำรงตำแหน่งช่วง 25 มี.ค. 64 - 31 ม.ค. 67 จำนวน 11 คน) เป็นระยะเวลา 10 ปี 
โดยในกลุ่มนี้ประกอบด้วย สส.บัญชีรายชื่อ 5 คน จึงทำให้คะแนนเสียงของพรรคลดลงจาก 148 เสียง เหลือ 143 เสียง ซึ่งในกลุ่มดังกล่าวสามารถย้ายพรรคได้ภายใน 60 วัน  

อย่างไรก็ตามปัจจัยลบดังกล่าวไม่ได้ สร้างแรงกดดันต่อ SET INDEX โดย MOVEMENT ตลาดฯ ระหว่างการอ่านคำ วินิจฉัย SET INDEX ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวผันผวนอย่างมีนัยสำคัญมากนัก (แกว่งตัวบวกลบ 4 จุด) อีกทั้งในวันเดียวกัน SET INDEX ยังปิดบวก 16 จุด ซึ่งได้แรงหนุนจากต่างชาติที่ซื้อสุทธิ 1.6 พันล้านบาท

แต่ยังมีอีก 1 คดีที่นักลงทุนให้ความสนใจไม่แพ้กัน นั่นคือ คดีถอดถอน นายกฯเศรษฐา ในวันที่ 14 ส.ค.67 เวลา 15.00 น. ซึ่งหากศาลนัดฟังคำวินิจฉัยแล้ว นายกฯ ถูกถอดถอน ตลาดหุ้นน่าจะถูกตีความในเชิงลบ เพราะ ครม.ในปัจจุบัน จะพ้นสภาพไปด้วย และต้องมีการโหวตเลือกนายกใหม่ 

ทั้งนี้อาจนำไปสู่มาตการกระตุ้น เศรษฐกิจต่างๆที่เตรียมไว้ ต้องชะลอออกไปเช่นกัน อาทิ การปรับค่าแรงขั้นต่ำ, พัก หนี้เกษตรกร/SME, LANDBRIDGE ข้ามฝั่ง และ DIGITAL WALLET  ซึ่งอาจส่งผล ให้  GDP GROWTH ชะลอตัวลงในบางภาคส่วน 

แต่ถ้านายกฯ ไม่ถูกถอด ถอน การดำเนินนโยบายต่างๆ ยังเป็นไปตามกระบวนการตามปกติ และตลาดหุ้น น่าจะตอบสนองในเชิงบวกมากกว่า


จับตานโนบายรัฐบาล 1-1 copy.jpg