ตลาดหุ้นเวียดนาม เป็นตลาดหุ้นที่นักลงทุนไทยทั้งรายเล็กและรายใหญ่ได้เข้าไปลงทุนเป็นจำนวนมาก โดยหนึ่งในนักลงทุน VI อย่าง ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ก็ถือเป็นหนึ่งคนที่ให้ความสนใจและให้น้ำหนักการลงทุนตลาดหุ้นเวียดนามเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ต

ล่าสุดเจ้าตัวก็ได้ออกมาเขียนถึงผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นรายตัวของตลาดดังกล่าว โดยเริ่มต้นจากที่ตนเคยคัดเลือก หุ้น “ซุปเปอร์สต็อก” และ หุ้นแห่งอนาคต 10 ตัว ซึ่งมี 4 ตัวที่ซ้ำกับหุ้นที่คิดว่าจะเป็นหุ้น “ซุปเปอร์สต็อก” ก็คือ FPT MWG, VRE และ ACV
สำหรับผลงานของหุ้นแต่ละตัวตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2565 จนถึงล่าสุดวันที่ 2 สิงหาคม 2567 ของหุ้นที่ถูกคิดว่าจะเป็นหุ้น “ซุปเปอร์สต็อก” 4 ตัว หุ้น MWG ติดลบ 6.1% หุ้น VRE ติดลบ 47.8% ขณะที่หุ้น FPT บวกถึง 114.3% และหุ้น ACV บวก 52.5% เฉลี่ยให้ผลตอบแทน 28.2% ในช่วงเวลา 2 ปี 7 เดือน เทียบกับดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามที่ติดลบถึง 17.3%
จากผลตอบแทนที่นักลงทุน VI ได้เอาแชร์ ก็เชื่อว่าต้องทำให้นักลงทุนไทยสะดุดตาไม่น้อยสายตา แต่การจะลงทุนในหุ้นรายตัวก็อาจจะเป็นเรื่องยาก ดังนั้นทางเราจึงได้ทำสำรวจข้อมูลกองทุนรวมหุ้นเวียดนามที่น่าสนใจและสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดี
โดยกองทุนที่เราหยิบยกมาก็คือ กองทุนเปิดพรินซิเพิล เวียดนาม อิควิตี้ ชนิดสะสมมูลค่า หรือ PRINCIPAL VNEQ-A ที่กองทุนให้นักลงทุนทั่วไปได้เข้าลงทุนและยังให้ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (ณ วันที่ 7 ก.ค. 67) อยู่ที่ 16.19% และ 1 ปีย้อนหลังอยู่ที่ 20.13%
ทั้งนี้ ในด้านของนโยบายลงทุนจะพาผู้ถือหน่วยลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือมีธุรกิจหลัก ในประเทศเวียดนามที่เชื่อว่ามีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต รวมทั้งตราสารทุนอื่นใดที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องและที่ได้รับผลประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือทรัพย์สินส่วนใหญ่มาจากการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศดังกล่าว
รวมไปถึงตราสารทุนของผู้ประกอบการเวียดนามที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศอื่น และคลอบคุลมไปถึงกองทุนรวมอื่นที่มีนโยบายการลงทุนในตราสารแห่งทุน และกองทุนรวมอีทีเอฟตราสารทุนต่างประเทศที่เน้นลงทุนในตราสารทุนประเทศเวียดนาม
สำหรับสัดส่วนการลงทุนแบ่งเป็นรายอุตสาหกรรม 5 อันดับที่มูลค่าลงทุนสูงสุด ประกอบไปด้วย ธนาคาร 23.68%, เงินทุนและหลักทรัพย์ 8.97%, เครื่องใช้ไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ 8.87%, เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 8.81% และบริการรับเหมาก่อสร้าง 8.10%
ทั้งนี้ นักลงทุนที่สนใจการลงทุนในกองทุนดังกล่าว สามารถลงทุนได้ด้วยเงิน 1,000 บาท ตามข้อกำหนดเงื่อนไขหรือมูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป ช่องทางการซื้อขายสามารถทำได้ผ่านรูปแบบออฟไลน์อย่าง ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จํากัด (มหาชน) หรือ ผู้สนับสนุนการขาย และผ่านแอพพลิเคชั่นอย่าง Principal TH

ล่าสุดเจ้าตัวก็ได้ออกมาเขียนถึงผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นรายตัวของตลาดดังกล่าว โดยเริ่มต้นจากที่ตนเคยคัดเลือก หุ้น “ซุปเปอร์สต็อก” และ หุ้นแห่งอนาคต 10 ตัว ซึ่งมี 4 ตัวที่ซ้ำกับหุ้นที่คิดว่าจะเป็นหุ้น “ซุปเปอร์สต็อก” ก็คือ FPT MWG, VRE และ ACV
สำหรับผลงานของหุ้นแต่ละตัวตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2565 จนถึงล่าสุดวันที่ 2 สิงหาคม 2567 ของหุ้นที่ถูกคิดว่าจะเป็นหุ้น “ซุปเปอร์สต็อก” 4 ตัว หุ้น MWG ติดลบ 6.1% หุ้น VRE ติดลบ 47.8% ขณะที่หุ้น FPT บวกถึง 114.3% และหุ้น ACV บวก 52.5% เฉลี่ยให้ผลตอบแทน 28.2% ในช่วงเวลา 2 ปี 7 เดือน เทียบกับดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามที่ติดลบถึง 17.3%
จากผลตอบแทนที่นักลงทุน VI ได้เอาแชร์ ก็เชื่อว่าต้องทำให้นักลงทุนไทยสะดุดตาไม่น้อยสายตา แต่การจะลงทุนในหุ้นรายตัวก็อาจจะเป็นเรื่องยาก ดังนั้นทางเราจึงได้ทำสำรวจข้อมูลกองทุนรวมหุ้นเวียดนามที่น่าสนใจและสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดี
โดยกองทุนที่เราหยิบยกมาก็คือ กองทุนเปิดพรินซิเพิล เวียดนาม อิควิตี้ ชนิดสะสมมูลค่า หรือ PRINCIPAL VNEQ-A ที่กองทุนให้นักลงทุนทั่วไปได้เข้าลงทุนและยังให้ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (ณ วันที่ 7 ก.ค. 67) อยู่ที่ 16.19% และ 1 ปีย้อนหลังอยู่ที่ 20.13%
ทั้งนี้ ในด้านของนโยบายลงทุนจะพาผู้ถือหน่วยลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือมีธุรกิจหลัก ในประเทศเวียดนามที่เชื่อว่ามีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต รวมทั้งตราสารทุนอื่นใดที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องและที่ได้รับผลประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือทรัพย์สินส่วนใหญ่มาจากการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศดังกล่าว
รวมไปถึงตราสารทุนของผู้ประกอบการเวียดนามที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศอื่น และคลอบคุลมไปถึงกองทุนรวมอื่นที่มีนโยบายการลงทุนในตราสารแห่งทุน และกองทุนรวมอีทีเอฟตราสารทุนต่างประเทศที่เน้นลงทุนในตราสารทุนประเทศเวียดนาม
สำหรับสัดส่วนการลงทุนแบ่งเป็นรายอุตสาหกรรม 5 อันดับที่มูลค่าลงทุนสูงสุด ประกอบไปด้วย ธนาคาร 23.68%, เงินทุนและหลักทรัพย์ 8.97%, เครื่องใช้ไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ 8.87%, เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 8.81% และบริการรับเหมาก่อสร้าง 8.10%
ทั้งนี้ นักลงทุนที่สนใจการลงทุนในกองทุนดังกล่าว สามารถลงทุนได้ด้วยเงิน 1,000 บาท ตามข้อกำหนดเงื่อนไขหรือมูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป ช่องทางการซื้อขายสามารถทำได้ผ่านรูปแบบออฟไลน์อย่าง ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จํากัด (มหาชน) หรือ ผู้สนับสนุนการขาย และผ่านแอพพลิเคชั่นอย่าง Principal TH
%20%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B9%82%E0%B8%95%E0%B8%A8%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A2%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%87.jpg)