Talk of The Town

รายย่อยปวดใจ! OR ทำแสบ หุ้นดิ่งไม่พ้นน้ำ ทำจุดต่ำสุดใหม่อีกครั้ง โบรกฯ สั่ง “ขาย” เหตุแนวโน้มโตจำกัด


09 สิงหาคม 2567

หากใครที่ยังเป็นผู้ถือหุ้นบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ตั้งแต่วันแรกที่ได้รับการจัดสรรหุ้นไอพีโอที่ราคา 18 บาท ณ ขณะนั้นจนถึงทุกวันนี้ คงจะต้องชื่นชมว่าจิตใจแข็งแกร่งเป็นอย่างมากเพราะไม่อย่างงั้นก็คงขายออกตั้งนานแล้ว 

S2T (เว็บ) รายย่อยปวดใจ! OR ทำแสบ_0.jpg

ขณะเดียวกันหากมองในอีกมุมหนึ่งหุ้น OR ก็แสบไม่ใช่น้อย ทำนักลงทุนรายย่อยอย่างเราๆปวดใจ ก็เพราะราคาหุ้นตอนนี้ยังคงดำดิ่งสู่เบื้องลึกของจุดนิวโลว์อย่างต่อเนื่อง 

โดยวันนี้ (9 ส.ค.67) ราคาหุ้น OR ทำจุดนิวโลว์ครั้งใหม่ที่ระดับ 14.00 บาท หรืออาจจะเป็นเพราะงบไตรมาส 2/67 ที่ออกมาทำนักลงทุนผิดหวัง เพราะกำไรไม่โต

แต่นั่นก็คงจะโทษ OR แต่เพียงฝ่ายเดียวไม่ได้ เนื่องด้วยเพราะปัจจัยแวดล้อมภาพรวมของตลาดหุ้นไทยไม่ค่อยจะเอื้ออำนวยให้ราคาหุ้นไต่ระดับหุ้นซักเท่าไหร่ แต่คำถามที่สำคัญก็คือราคาหุ้น OR ไม่ควรที่จะดำดิ่งได้ถึงขนาดนี้

เพราะด้วยตัวเนื้องานของผลประกอบการเองนั้น ตั้งแต่เข้าตลาดหุ้นมาก็สวยหรูเติบโตทั้งในแง่ของรายได้และกำไรสุทธิมาโดยตลอด ถึงแม้ว่าในบางปีจะเติบโตดี เพราะมีโชคช่วยก็ตาม 

ราคาหุ้นก็ควรที่จะทรงตัวในระดับสูงเป็นหัวแถวแนวหน้าให้กับตลาดหุ้นไทย เพราะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหุ้นขวัญใจมหาชน หรือจริงๆแล้ว OR อาจจะเป็นหุ้นที่ไม่มีใครเอาแล้วก็ได้ ถ้าไม่อย่างนั้นราคาก็คงจะไม่ลงมาถึงขนาดนี้

หากดูในด้านของการใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนไปนั้น ช่างดูจะสวนทางกลับราคาหุ้น ก็เพราะ OR ใช้เงินไปแล้วกว่า 31,785 ล้านบาท จากทั้งหมดที่ได้จากการขายไอพีโอไปจำนวน 53,497 ล้านบาท แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ธุรกิจที่ใส่เงินลงไปนั้นงอกเงยออกผลต่อยอดให้ราคาหุ้นขึ้นได้เลย

ทั้งนี้หากลองมองในอนาคตกันดูบ้างว่าแนวโน้มราคาหุ้นจะเป็นอย่างไร อะไรที่มันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป แต่กลับยิ่งดูแล้วยิ่งช้ำใจหนักกว่าเดิม เมื่อข้อมูลของนักวิเคราะห์ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ settrade.com ล่าสุดให้ราคาเป้าหมายหุ้น OR เฉลี่ยอยู่แค่เพียง 18.66 บาท 

ยังไม่เพียงแค่นั้น นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ยังคงคำแนะนำ “ขาย” ให้ราคาราคาเป้าหมาย OR เหลือแค่ 13.80 บาท เนื่องจากมูลค่าที่แพง และแนวโน้มการเติบโตที่จำกัด

โดยหลังจากที่ OR รายงานกำไรไตรมาส 2/67 ออกมาแล้วต่ำกว่าจากไตรมาสก่อนและต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะปริมาณขายน้ำมันที่ลดลง อีกทั้งนักวิเคราะห์ยังมองว่ากำไรมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากปริมาณการขายลดลงตามฤดูกาลเนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝน 

เมื่อได้เห็นคาดการณ์ราคาเป้าหมายของ OR ในอนาคตแล้ว จะไม่ให้รายย่อยปวดใจได้อย่างไร เพราะหากไล่เรียงดูแล้วตั้งแต่ OR เข้าตลาดหุ้นมาเมื่อวันที่ 11 ก.พ. 64 นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เป็นเวลา 3 ปีกว่าๆราคาหุ้น OR มีแต่จะถอยหลัง แบบชนิดที่ว่าเดินหน้าหนึ่งก้าวถอยหลังหลายก้าวมาตลอด

OR