บริษัทจดทะเบียนไทยได้ทยอยประกาศตัวเลขประกอบการไตรมาส 2/67 และช่วงครึ่งปีแรกปี 67 ออกมา ซึ่งบางบริษัทก็สามารถตอบกับความคาดหวังของนักลงทุนได้อย่างดี แต่สำหรับบางบริษัทก็อาจจะความผิดหวังให้แก่นักลงทุนและนักวิเคราะห์จนต้องเปลี่ยนคำแนะนำในการลงทุน
ดังนั้น ในวันนี้ทางเราจึงได้ทำการสำรวจและรวบรวมข้อมูลมุมมองจากนักวิเคราะห์ที่ปรับคำแนะนำการลงทุนในหุ้นรายตัว โดยให้คำแนะนำ “ขาย” หลังจากที่บริษัทได้ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 2/67 ออกมา พร้อมกับมุมมองต่อพื้นฐานของธุรกิจในอนาคต
โดยตัวแรกก็คือ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ให้คำแนะนำ “ขาย” ราคาเหมาะสม 13.80 บาท เนื่องจากมูลค่าปัจจุบันที่แพงและแนวโน้มการเติบโตที่จำกัดโดยแนวโน้มกำไรยังคงลดลงตามปริมาณการขายที่ลดลง เนื่องจากฤดูกาลที่เข้าสู่ช่วงฤดูฝน
ถัดมาเป็นอีกหนึ่งบริษัทจากกลุ่มปตท.อย่าง บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC ที่นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ให้คำแนะนำ “ขาย” ราคาเหมาะสม 1.50 บาท แม้ว่ากำไรไตรมาส 3/67 จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า แต่การไปถึงจุดคุ้มทุนยังคงยากลำบาก เนื่องจากสเปรดเคมีภัณฑ์ยังคงอ่อนแอ
ต่อมาเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้คำแนะนำ “ขาย” ราคาเหมาะสม 4.20 บาท จากการปรับกำไรปี 2567 ลงมาก โดยจะลดลงต่อเนื่องทุกไตรมาส และยังมีดาวน์ไซด์จากกำลังซื้อในกลุ่มอสังหาฯ ที่ยังอ่อนแอ ทำให้ราคาหุ้นไม่น่าสนใจ
เช่นเดียวกันกับบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้คำแนะนำ “ขาย” ราคาเหมาะสม 2.60 บาท เนื่องจากกำไรปี 2567- 2568 ยังมีทิศทางไม่สดใส รวมถึงยังมีดาวน์ไซด์จาก backlog ที่ต่ำ, กำลังซื้อในตลาดล่างยังอ่อนแอและสถาบันการเงินยังเข้มงวดต่อการปล่อยสินเชื่อ
สุดท้ายเป็นหุ้นในกลุ่มธนาคารอย่าง ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKP ที่นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แนะนำ“ขาย” ราคาเหมาะสม 37 บาท จากความเสี่ยงจากขาดทุนรถยึดที่มีโอกาสมากกว่าคาดและแนวโน้ม NPLs ที่จะสูงขึ้นมากกว่าคาดจากภาวะอุตหกรรมรถยนต์ที่มีการแข่งขันด้านราคาในระดับสูง รวมถึงธุรกิจหลักทรัพย์มีความท้าทายมากยิ่งขึ้น จากตลาดหุ้นที่มีกฎเกณฑ์ในการซื้อขายมากขึ้นซึ่งจะทำให้มูลค่าการซื้อขายลดลงมากกว่าคาด
ดังนั้น ในวันนี้ทางเราจึงได้ทำการสำรวจและรวบรวมข้อมูลมุมมองจากนักวิเคราะห์ที่ปรับคำแนะนำการลงทุนในหุ้นรายตัว โดยให้คำแนะนำ “ขาย” หลังจากที่บริษัทได้ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 2/67 ออกมา พร้อมกับมุมมองต่อพื้นฐานของธุรกิจในอนาคต
โดยตัวแรกก็คือ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ให้คำแนะนำ “ขาย” ราคาเหมาะสม 13.80 บาท เนื่องจากมูลค่าปัจจุบันที่แพงและแนวโน้มการเติบโตที่จำกัดโดยแนวโน้มกำไรยังคงลดลงตามปริมาณการขายที่ลดลง เนื่องจากฤดูกาลที่เข้าสู่ช่วงฤดูฝน
ถัดมาเป็นอีกหนึ่งบริษัทจากกลุ่มปตท.อย่าง บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC ที่นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ให้คำแนะนำ “ขาย” ราคาเหมาะสม 1.50 บาท แม้ว่ากำไรไตรมาส 3/67 จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า แต่การไปถึงจุดคุ้มทุนยังคงยากลำบาก เนื่องจากสเปรดเคมีภัณฑ์ยังคงอ่อนแอ
ต่อมาเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้คำแนะนำ “ขาย” ราคาเหมาะสม 4.20 บาท จากการปรับกำไรปี 2567 ลงมาก โดยจะลดลงต่อเนื่องทุกไตรมาส และยังมีดาวน์ไซด์จากกำลังซื้อในกลุ่มอสังหาฯ ที่ยังอ่อนแอ ทำให้ราคาหุ้นไม่น่าสนใจ
เช่นเดียวกันกับบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้คำแนะนำ “ขาย” ราคาเหมาะสม 2.60 บาท เนื่องจากกำไรปี 2567- 2568 ยังมีทิศทางไม่สดใส รวมถึงยังมีดาวน์ไซด์จาก backlog ที่ต่ำ, กำลังซื้อในตลาดล่างยังอ่อนแอและสถาบันการเงินยังเข้มงวดต่อการปล่อยสินเชื่อ
สุดท้ายเป็นหุ้นในกลุ่มธนาคารอย่าง ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKP ที่นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แนะนำ“ขาย” ราคาเหมาะสม 37 บาท จากความเสี่ยงจากขาดทุนรถยึดที่มีโอกาสมากกว่าคาดและแนวโน้ม NPLs ที่จะสูงขึ้นมากกว่าคาดจากภาวะอุตหกรรมรถยนต์ที่มีการแข่งขันด้านราคาในระดับสูง รวมถึงธุรกิจหลักทรัพย์มีความท้าทายมากยิ่งขึ้น จากตลาดหุ้นที่มีกฎเกณฑ์ในการซื้อขายมากขึ้นซึ่งจะทำให้มูลค่าการซื้อขายลดลงมากกว่าคาด