รศ.ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์และพลาสติกแปรรูปชั้นนำของโลก เปิดเผยว่า ในไตรมาสแรกของปี บัญชี 67/68 (เม.ย.-มิ.ย.67) บริษัทมียอดขาย 3,577 ล้านบาท ซึ่งเป็นนิวไฮ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มียอดขาย 2,986 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 20% มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 33% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 30 - 33% และ มีกำไรสุทธิที่ 256 ล้านบาท ลดลง 17% เนื่องจากบริษัทมีการตั้งสำรองผลขาดทุนทางเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นที่ 111 ล้านบาท โดยมีผลการดำเนินงานตาม 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ดังนี้
ธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex มียอดขาย 1,121 ล้านบาท ซึ่งเป็นนิวไฮ เพิ่มขึ้น 25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาจากยอดขายในสหรัฐอเมริกายังคงเติบโตต่อเนื่องจากความต้องการสินค้าฉนวนกันความร้อน/เย็น เกรดพรีเมี่ยม รวมทั้งสินค้าเพื่อใช้ในกลุ่มอุตสาหกรรม Ultra Low Temperature Insulation และ ระบบ Air Ducting system ทั้งนี้ ยอดขายในสหรัฐอเมริกาโดยส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มลูกค้าโครงการ ได้แก่ กลุ่ม Semi-Conductor/ Cloud/ และยานยนต์ เป็นต้น ยอดขายในอาเซียนเติบโตดี และ ยอดขายในประเทศปรับตัวดีขึ้นตามการลงทุนภาคเอกชน
ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ Aeroklas มีรายได้จากการขาย 1,840 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาจากยอดส่งออกหลังคาครอบกระบะ (Canopy) ปรับตัวเพิ่มขึ้น และ ได้รับคำสั่งซื้อสินค้าใหม่จากค่ายยานยนต์ญี่ปุ่นซึ่งจะรับรู้รายได้เต็มปีในปีบัญชีนี้ แม้ว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ในปีนี้ยังชะลอการเติบโตจากยอดการผลิตที่ปรับตัวลดลง แอร์โรคลาส ยังคงมุ่งมั่นสร้างการเติบโต โดยใช้จุดแข็งสร้างสรรค์สินค้านวัตกรรมที่มีน้ำหนักเบาซึ่งเป็นที่ต้องการในอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งรถยนต์สันดาป และ รถยนต์ EV เนื่องจากมีส่วนช่วยในการประหยัดพลังงาน เพื่อเพิ่มยอดขายและทำให้ธุรกิจเติบโตได้ตามเป้าหมาย
ในขณะที่ธุรกิจในออสเตรเลียจะมียอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากภาวะตลาดที่ดีขึ้น และรับรู้รายได้จากการที่ Aeroklas Asia Pacific Group Pty. Ltd. ออสเตรเลีย ได้ซื้อกิจการร้านค้าปลีก TJM ต่อจากตัวแทนจำหน่าย รวม 5 แห่ง เมื่อ 1 พ.ย.66
ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก ภายใต้แบรนด์ EPP มีรายได้จากการขาย 616 ล้านบาท ลดลง 4% จากภาวะการแข่งขันที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัท อีสเทิร์น โพลีแพค จำกัด มีจุดเด่นจากมาตรฐานต่าง ๆ เช่น มอก./ GMP/ HACCP/ BRC และ FSC (Forest Stewardship Council) จึงเป็นที่ไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมเลือกให้เป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติก
บริษัทมีต้นทุนขายสินค้า เพิ่มขึ้น 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นอัตราที่ช้ากว่าการเพิ่มขึ้นของยอดขาย บริษัทได้จัดหาวัตถุดิบจากแหล่งผลิตในหลายประเทศเพื่อให้ต้นทุนเฉลี่ยจากราคาวัตถุดิบมีราคาเหมาะสม สำหรับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับพนักงาน และ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารของธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นค่าคอมมิชชั่นและค่าใช้จ่ายจัดส่งในสหรัฐอเมริกา รวมทั้งค่าขนส่งของธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ที่เพิ่มขึ้น
บริษัทมีการตั้งสำรองผลขาดทุนทางเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ที่ 111 ล้านบาท มาจากรายการลูกหนี้การค้าของบริษัท แอร์โรคลาส จำกัด ซึ่งจำหน่ายวัตถุดิบเพื่อใช้ผลิตสินค้าให้แก่ธุรกิจร่วมทุนในแอฟริกาใต้ ซึ่งได้รับคำสั่งซื้อสำคัญจากค่ายยานยนต์รายใหญ่ในมูลค่าที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นขั้นตอน ตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปีบัญชี 66/67 (ม.ค.-มี.ค.67) บริษัทและผู้ถือหุ้นรายอื่นได้ส่งที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ เพื่อดูแล ติดตาม และแก้ไขปัญหาอย่างใกล้ชิด พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและการบริหารงาน
นอกจากนี้ บริษัทได้รับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าที่ 98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าที่ 82 ล้านบาท มาจากการผลประกอบการที่ดีขึ้นของ ธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น และธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ ทั้งในไทยและอินเดีย
รศ.ดร.เฉลียว กล่าวต่อว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เมื่อ 14 ส.ค.67 มีมติอนุมัติให้บริษัท แอร์โรคลาส จำกัด จัดตั้งบริษัทย่อยใหม่ ในประเทศแอฟริกาใต้ เพื่อขยายกิจการผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ ให้กับบริษัทผู้ประกอบยานยนต์ขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของโลก ซึ่งเป็นลูกค้าใหม่ในประเทศแอฟริกาใต้ โดยมีทุนจดทะเบียนจำนวน 150 ล้านแรนด์ หรือ ประมาณ 290 ล้านบาท บริษัท แอร์โรคลาส จำกัด จะถือหุ้นในบริษัทย่อยแห่งใหม่นี้ ในสัดส่วน 100% ของทุนจดทะเบียนบริษัทใหม่ โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการจัดตั้งบริษัทภายในเดือนตุลาคม 2567 และ ดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2569