ซินแสเข่ง ผ่าดวงวิกฤตสิงหา 67 เดือนแห่งฑูตมรณะปะทะดวงเมือง ใครเหมาะนั่ง นายกฯคนที่31 ท่ามกลางความแตกแยก แย้มยังมีเรื่องอื่นตามมาอีกมากมาย
วันที่ 15 ส.ค. 67 อ.ชนม์ทรรศน์ ฤทัยผ่อง หรือ ซินแสเข่ง ผอ.สถาบันโหราศาสตร์ พยากรณ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า หลังจากที่นาย เศรษฐา ทวีสิน ได้ถูกปลดออกจากตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีแล้ว ก็จะมีการพิจารณาเลือก นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 บุคคลที่จะเข้ามาบริหารงานแทนนาย เศรษฐา มีบุคคลที่น่าสนใจ อาทิ
นาย อนุทิน ชาญวีรกุล แคนดิเดตพรรคภูมิใจไทย คาดว่ามีโอกาสจะได้เป็น นายกรัฐมนตรี เพราะระยะหลังประกบนาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีมาโดยตลอด แต่เชื่อว่าในดวงชะตานั้น ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะในฐานดวงชะตา ไม่มีดวงของการเป็นผู้นำ ไม่มีดวงที่จะได้รับตำแหน่งบริหารประเทศ ขาดความมั่นคง และในดวงชะตานั้น ถือว่ามีความโดดเดี่ยว ยากที่จะได้รับการช่วยเหลือสนับสนุน ตลอดจนถึงรอบอายุเข้าเคราะห์ก็จะไม่ได้ดั่งใจที่คาดหวัง มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งเกิดขึ้น อีกต้องได้ดวงชะตานั้น มีผลขัดแย้งเป็นศัตรูกับเจ้าของพรรคเพื่อไทยคือ นายทักษิณ ที่จะก่อให้เกิดความไม่ไว้วางใจให้เกิดขึ้น พูดอย่างทำอย่าง พูดอย่างคิดอย่าง ความคิดความอ่านสวนทาง
บุคคลที่ 2 อุ๊งอิ๊งค์ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ทายาทคนสำคัญ ของอดีตนายกรัฐมนตรี เจ้าของพรรคเพื่อไทย ที่มีความหวังจะให้เป็นผู้นำ และตั้งใจ ที่จะให้บุตรสาวได้เป็น นายกรัฐมนตรีคนที่31 แต่ตามดวงชะตานั้น ถึงแม้นว่ามีดวงความเป็นผู้นำอยู่ในตนเอง แต่ไม่ใช่ในช่วงจังหวะนี้ และอาจต้องมีระยะเวลาอีกยาวไกล เพราะในรอบปี 2567 นี้ เป็นปีปะทะ เป็นปีที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงให้เกิดขึ้น เพราะในฐานดวงชะตา ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2566 ปี 2567 และต่อเนื่องไปจนถึงปี 2558 เป็นปีที่จะต้องระมัดระวัง ที่จะสร้างผลกระทบให้เกิดความเดือดเนื้อร้อนใจให้เกิดขึ้น เป็นช่วงจังหวะปีที่จะก่อให้เกิด คดีความ และในดวงชะตานั้น มีดวงชะตาที่จะต้องพลัดพรากจากถิ่นฐานบ้านเกิดของตนเองนั้น ไปเติบโตในต่างถิ่น เพราะฉะนั้นก็ต้องหันไปถามครอบครัวนายทักษิณดูว่า จะให้คุณอุ๊งอิ๊งค์เสี่ยงกับความหายนะที่จะเกิดขึ้นหรือไม่
ส่วนบุคคลที่ 3 คือ นายชัยเกษม นิติศิริ วัย 76 ปี ที่ได้รับความไว้วางใจจานายทักษิณ เป็นอย่างดี และเป็นช่วงจังหวะปีที่จะเกื้อหนุนส่งเสริม และสนับสนุนในปี 2567 เป็นปึสมพงษ์ หากได้ขึ้นตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ก็ถือว่าอาจจะนำพารัฐบาลพรรคเพื่อไทย ไปสู่ความสำเร็จได้อย่างงดงาม แต่นายกรัฐมนตรีต้องไม่ถูกครอบงำจาก นายทักษิณเหมือนกับนายเศรษฐา ซึ่งอาจมีผลทำให้นายชัยเกษมนั้น ตกดวงชะตาศัตรู ที่จะก่อให้เกิด ความอิจฉาริษยา ไม่หวังดี ทำดีกับเป็นผลร้ายตอบกลับ ก่อให้เกิดคดีความเกิดขึ้น
เพราะในฐานดวงชะตาของนายชัยเกษมนั้น เป็นบุคคลที่ทำคุณคนไม่ขึ้น ช่วยเหลือคนอื่นแล้วกลับเป็นผลร้ายต่อกลับ ตลอดจนถึงในดวงชะตานั้น นายชัยเกษมมีเจ้าทุกข์มากเกินไป ไม่ทุกเรื่องตัวเองก็ทุกเรื่องผู้อื่น และก็อาจจะมีผล ต่อดวงชะตา แต่ถ้าหากว่า บริหารงานโดย ใช้ความคิด ความตั้งของตนเอง ในการบริหารงาน ก็จะส่งผลให้ มีโอกาสประสบความสำเร็จได้
ที่มา : https://www.amarintv.com/news/detail/228287
วันที่ 15 ส.ค. 67 อ.ชนม์ทรรศน์ ฤทัยผ่อง หรือ ซินแสเข่ง ผอ.สถาบันโหราศาสตร์ พยากรณ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า หลังจากที่นาย เศรษฐา ทวีสิน ได้ถูกปลดออกจากตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีแล้ว ก็จะมีการพิจารณาเลือก นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 บุคคลที่จะเข้ามาบริหารงานแทนนาย เศรษฐา มีบุคคลที่น่าสนใจ อาทิ
นาย อนุทิน ชาญวีรกุล แคนดิเดตพรรคภูมิใจไทย คาดว่ามีโอกาสจะได้เป็น นายกรัฐมนตรี เพราะระยะหลังประกบนาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีมาโดยตลอด แต่เชื่อว่าในดวงชะตานั้น ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะในฐานดวงชะตา ไม่มีดวงของการเป็นผู้นำ ไม่มีดวงที่จะได้รับตำแหน่งบริหารประเทศ ขาดความมั่นคง และในดวงชะตานั้น ถือว่ามีความโดดเดี่ยว ยากที่จะได้รับการช่วยเหลือสนับสนุน ตลอดจนถึงรอบอายุเข้าเคราะห์ก็จะไม่ได้ดั่งใจที่คาดหวัง มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งเกิดขึ้น อีกต้องได้ดวงชะตานั้น มีผลขัดแย้งเป็นศัตรูกับเจ้าของพรรคเพื่อไทยคือ นายทักษิณ ที่จะก่อให้เกิดความไม่ไว้วางใจให้เกิดขึ้น พูดอย่างทำอย่าง พูดอย่างคิดอย่าง ความคิดความอ่านสวนทาง
บุคคลที่ 2 อุ๊งอิ๊งค์ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ทายาทคนสำคัญ ของอดีตนายกรัฐมนตรี เจ้าของพรรคเพื่อไทย ที่มีความหวังจะให้เป็นผู้นำ และตั้งใจ ที่จะให้บุตรสาวได้เป็น นายกรัฐมนตรีคนที่31 แต่ตามดวงชะตานั้น ถึงแม้นว่ามีดวงความเป็นผู้นำอยู่ในตนเอง แต่ไม่ใช่ในช่วงจังหวะนี้ และอาจต้องมีระยะเวลาอีกยาวไกล เพราะในรอบปี 2567 นี้ เป็นปีปะทะ เป็นปีที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงให้เกิดขึ้น เพราะในฐานดวงชะตา ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2566 ปี 2567 และต่อเนื่องไปจนถึงปี 2558 เป็นปีที่จะต้องระมัดระวัง ที่จะสร้างผลกระทบให้เกิดความเดือดเนื้อร้อนใจให้เกิดขึ้น เป็นช่วงจังหวะปีที่จะก่อให้เกิด คดีความ และในดวงชะตานั้น มีดวงชะตาที่จะต้องพลัดพรากจากถิ่นฐานบ้านเกิดของตนเองนั้น ไปเติบโตในต่างถิ่น เพราะฉะนั้นก็ต้องหันไปถามครอบครัวนายทักษิณดูว่า จะให้คุณอุ๊งอิ๊งค์เสี่ยงกับความหายนะที่จะเกิดขึ้นหรือไม่
ส่วนบุคคลที่ 3 คือ นายชัยเกษม นิติศิริ วัย 76 ปี ที่ได้รับความไว้วางใจจานายทักษิณ เป็นอย่างดี และเป็นช่วงจังหวะปีที่จะเกื้อหนุนส่งเสริม และสนับสนุนในปี 2567 เป็นปึสมพงษ์ หากได้ขึ้นตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ก็ถือว่าอาจจะนำพารัฐบาลพรรคเพื่อไทย ไปสู่ความสำเร็จได้อย่างงดงาม แต่นายกรัฐมนตรีต้องไม่ถูกครอบงำจาก นายทักษิณเหมือนกับนายเศรษฐา ซึ่งอาจมีผลทำให้นายชัยเกษมนั้น ตกดวงชะตาศัตรู ที่จะก่อให้เกิด ความอิจฉาริษยา ไม่หวังดี ทำดีกับเป็นผลร้ายตอบกลับ ก่อให้เกิดคดีความเกิดขึ้น
เพราะในฐานดวงชะตาของนายชัยเกษมนั้น เป็นบุคคลที่ทำคุณคนไม่ขึ้น ช่วยเหลือคนอื่นแล้วกลับเป็นผลร้ายต่อกลับ ตลอดจนถึงในดวงชะตานั้น นายชัยเกษมมีเจ้าทุกข์มากเกินไป ไม่ทุกเรื่องตัวเองก็ทุกเรื่องผู้อื่น และก็อาจจะมีผล ต่อดวงชะตา แต่ถ้าหากว่า บริหารงานโดย ใช้ความคิด ความตั้งของตนเอง ในการบริหารงาน ก็จะส่งผลให้ มีโอกาสประสบความสำเร็จได้
ที่มา : https://www.amarintv.com/news/detail/228287