BANPU เดินหน้าดัน BKV เข้าตลาดหุ้นสหรัฐ มั่นใจยอดขายถ่านหินปีนี้เข้าเป้า 40.8 ล้านตัน ชี้แนวโน้มราคาก๊าซ-ถ่านหินมีสัญญาณเพิ่มขึ้น

BANPU มอง EBITDA ช่วงครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรกที่ทำได้ 650 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หลังยังคงบริหารจัดการต้นทุนให้ดีมากขึ้น ราคาก๊าซและถ่านหิน มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ ชี้ ยังคงพิจารณาส่งบริษัทย่อย BKV เข้าระดมทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ แต่ภาวะตาดยังไม่เอื้อ

นาย สินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU คาดการณ์ว่า แนวโน้มกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในช่วงครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรกที่ทำได้ 650 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากการบริหารจัดการต้นทุนให้ดีมากขึ้น

 ขณะเดียวกันแนวโน้มราคาขายก๊าซธรรมชาติและราคาขายถ่านมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้ จากซัพพลายในระบบที่ลดน้อยลงและความต้องการใช้ที่ปรับตัวสูงขึ้นจากปัจจัยด้านสภาพอากาศ โดยในครึ่งปีแรกปี 67 ราคาขายถ่านอยู่ที่ 94 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน ส่วนราคาขายก๊าซธรรมชาติอยู่ที่ 2 เหรียญสหรัฐฯต่อmmbtu

สำหรับยอดขายถ่านหินทั้งปี 2567 บริษัทยังคงมั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่วาง 40.8 ล้านตัน แม้ว่าในครึ่งปีหลังจะมีปัจจัยด้านสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงเข้ามากระทบกำลังการผลิตและการขนส่งในประเทศอินโดนีเซีย, ออสเตรเลีย และจีน เเต่ในช่วงปลายปีก็มีปัจจัยของกลุ่มลูกค้าที่จะเร่งสต๊อกถ่านหินเข้ามาช่วยสนับสนุนดีมานด์ได้

ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกปี 67 บริษัทได้ใช้งบลงทุนไปไม่สูงมากนัก จากงบทั้งปีที่ 350 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่บริษัทยังคงมองหาโอกาสการลงทุนช่วงครึ่งปีหลังอย่างต่อเนื่อง โดยจะแบ่งเป็นการลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติ 50% อีก 50% จะใช้ในการขยายธุรกิจพลังงานทดแทนและเทคโนโลยีพลังงาน  ซึ่งเม็ดเงินทียังเหลือจำนวนมากเชื่อว่าช่วยให้บริษัทได้เข้าลงทุนในดีลที่มีความเหมาะสมและสร้างผลตอบแทนได้ดีในระยะยาว

ส่วนแผนการนำ BKV Corporation (BKV) บริษัทย่อยในสหรัฐฯ เข้าระดมทุนและจดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์กนั้น บริษัทได้เตรียมความพร้อมที่จะเสนอขาย ไอพีโอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

แต่ด้วยสถานการณ์ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ยังมีปัจจัยหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเลือกตั้ง นโยบายอัตราดอกเบี้ย ที่อาจส่งผลต่อภาวะตลาด จึงต้องพิจารณาในช่วงปลายปี 67 ไปจนถึงต้นปี 68 แต่อย่างไรก็ดีหากแผนการนำ BKV เข้าระดมทุนในตลาดล่าช้าหรือไม่ได้ระดมทุนในตลาด บริษัทก็ยังคงกระแสเงินสดและแหล่งทุนจากบริษัทรองรับการขยายธุรกิจได้