เกาะติดสถานการณ์หุ้นกลุ่ม “ทีวีดิจิทัล” ล่าสุดผลประกอบการไตรมาส 2/67 ทั้ง BEC หรือที่รู้จักกันในฐานะเจ้าของช่อง 3 รวมทั้ง WORK เจ้าของช่อง work point และ ONEE เจ้าของช่อง ONE31 แต่ดูเหมือนกำไรจะลดลงทั้ง 3 บริษัท แม้ WORK รายงานกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น แต่เพราะเกิดจากรายการพิเศษนั่นเอง
โดย BEC ไตรมาส 2/2567 มีกำไรสุทธิ 71.4 ล้านบาท ลดลง 4.6% จากใตรมาสที่ 2/2566 โดยมีรายได้จากการดำเนินงานของกลุ่ม BEC อยู่ที่ 1,109.7 ล้านบาท ลดลง 7.9% จากไตรมาสที่ 2/2566 ทั้งนี้รายได้จากการขายเวลาโฆษณาของกลุ่ม BEC ยังคงเป็นรายได้หลักอยู่ที่ 83% ของรายได้จากการดำเนินงาน โดยยังคงมาจากการขายเวลาโฆษณาของ "ช่อง 33" เป็นหลัก
ขณะที่รายได้จากการขายเวลาโฆษณาของกลุ่ม BEC อยู่ที่ 924.9 ล้านบาท ลดลง 13.7% จากไตรมาสที่ 2/2566 เนื่องจากผู้ใช้โฆษณายังคงลงทุนและใช้จ่ายแบบระมัดระวังจากหลายปัจจัยความไม่แน่นอนต่างๆ ทั้งในและนอกประเทศ
ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/67 อ่อนตัวจากไตรมาสก่อนตามฤดูกาลที่เม็ดเงินโฆษณาจะชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่เป็น High season และภาพยนตร์ “มานะแมน” (เข้าฉาย 8 ส.ค.) ทำรายได้เปิดตัวไม่ดีนัก แต่คาดกำไรไตรมาส 3/67 เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากฐานต่ำในปีก่อน
ขณะที่ไตรมาส 4/67 คาดเป็นช่วงที่ดีที่สุดของปี 67 เนื่องจาก เม็ดเงินโฆษณาโตตามฤดูกาลและลุ้นปัจจัยบวกทางอ้อมจากนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต และภาพยนตร์ “ธี่หยด 2” (BEC, MAJOR JV 50/50) เข้าฉาย (10 ต.ค.) ที่ภาคแรกทำรายได้จากการฉายทั่วประเทศมากกว่า 400 ล้านบาท จึงยังคาดกำไรสุทธิปี 67 ที่ 291 ล้านบาท เติบโต 39% จากปีก่อน แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 5.25 บาท (เดิม 4.94 บาท)
ต่อกันที่ WORK ไตรมาส 2/2567 มีกำไรสุทธิ 49.52 ถ้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 โดยบริษัทมีกำไรที่เกิดจากกิจกรรมพิเศษ คือ กำไรจากการได้มาซึ่งอำนาจควบคมในบริษัทย่อย จำนวน 17.80 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการที่บริษัทได้มาถึงอำนาจควบคุมในบริษัท ทีป๊อป อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด และกำไรจากการซื้อสินทรัพย์จากการร่วมค้า จำนวน 8.83 ล้านบาท
โดยไตรมาส 2/2567 มีรายได้จากธุรกิจโทรทัศน์รวมเท่ากับ 410.59 ล้านบาท ลดลง 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นไปตามการลตลงของของเม็ดเงินโฆษณาผ่านช่องทางโทรทัศน์ซึ่งได้รับผลกระพบจากสภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ ทั้งนี้จากข้อมูลของ AC Nielsen พบว่าเม็ดเงิน โฆษณาผ่านช่องทางโทรทัศน์ในไตรมาสที่ 2/2567 ลดลง 5% จากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2566
ขณะที่นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) มอง Neutral ต่อกำไรสุทธิไตรมาส 2/67 แต่ถ้าไม่รวมรายการพิเศษ จะมีกำไรปกติ 28 ล้านบาท ลดลง 41% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 206% จากไตรมาสก่อน โดยการลดลงมากตามการหดตัวของรายได้หลักค่าโฆษณาที่ลดลง 15% ตากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนแนวโน้มกำไรครึ่งหลังปี 2567 คาดกำไรปกติ มีแนวโน้มอ่อนตัวลงจากครึ่งปีแรกจาก คาดรายได้ค่าโฆษณาและรายได้ Event ลดลงตามฤดูกาล และไม่มีงานสงกรานต์เหมือนไตรมาสก่อนหน้า และ คาดค่าใช้จ่าย SG&A สูงในไตรมาส 4/67 ตามฤดูกาลที่จะมีค่าใช้จ่ายพนักงานสูงจากการจ่ายโบนัสพนักงาน แต่ยังคงคาดกำไรปกติปี 67 ที่ 27 ล้านบาท เติบโต 99%จากปีก่อน เนื่องจากฐานต่ำในปีก่อน คงคาแนะนำ Reduce ราคาเป้าหมาย 7.90 บาท (เดิม 7.70 บาท)
ปิดท้ายกันที่ ONEE รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2567 มีรายได้รวม 1,697.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.56% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรำยได้เพิ่มขึ้นในแทบทุกกลุ่ม ธุรกิจ นำโดยกลุ่มธรกจ Idol Marketing ซึ่งรวมธรกจจดคอนเสรต และบริหารกิจกรรม ธุรกิจบริหารศิลปิน และรายได้จากการขาย สินค้า และมีกำไรสุทธิ 121 ล้านบาท ลดลง 1.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจาก ค่าใช้จ่ายปรับตัวเพิ่มขึ้น
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ยังคงคาดกำไรสุทธิปี 2567 จะมีกำไรสุทธิ 491 ล้านบาท ลดลง 3% จากปีก่อน แต่ยังคาดว่า กำไรสุทธิช่วงครึ่งหลังของปี 2567 จะ เติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากครึ่งปีแรก
โดย ONEE มีละครฟอร์มใหญ่จาก oneD ORIGINAL ทยอยออกอากาศต่อเนื่อง ได้แก่ Love Lesson 010, ทิชา (ใบเฟิร์น พิมชนก), การุณฆาต (ต่อ ธนภพ, เจเจ) และ แม่หยัว (ใหม่ ดาวิกา) และจากค่าย Change2561 ได้แก่ ทองประกายแสด (ใบเฟิร์น พิมชนก) ออกอากาศ 14 ส.ค.
นอกจากนี้ ONEE ยังคงครองอันดับ 1 ละครช่วง 19.00 น. อย่างต่อเนื่อง (ตลาดผู้ชม Mass มีโอกาสได้ประโยชน์ทางอ้อมจากนโยบาย Digital Wallet) และในครึ่งปีหลังมี Line up คอนเสิร์ตใหญ่หลายคอนเสิร์ต จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 5.55 บาท