จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : แรงซื้อทองคำทั่วโลกทุบสถิติ ALPHAX รุกตลาด “สปป.ลาว”
28 กุมภาพันธ์ 2566
ท่ามกลางความผันผวนของตลาดโลก หนุนให้ความต้องการซื้อทองคำเติบโตทำสถิติสูงสุด ส่งผลดีต่อธุรกิจสินเชื่อในสปป.ลาว รวมถึงการปล่อยสินเชื่อซื้อทองคำของ ที่บมจ.อัลฟ่า ดิวิชั่นส์ (ALPHAX) ส่วนตลาดในประเทศที่มีแผนผนึกพันธมิตรทองคำระดับโลกพัฒนา digital platform
รายงาน Gold Demand Trends ฉบับล่าสุดจากสภาทองคำโลก (World Gold Council) เผยความต้องการทองคำทั่วโลกประจำปี 2565 (ไม่รวมการซื้อขายนอกตลาดหลักทรัพย์) เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยแตะ 4,741 ตัน ซึ่งเป็นยอดรวมรายปีที่สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา โดยเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสที่สี่ของปี 2565 นี้ ได้รับแรงหนุนจากการซื้อของธนาคารกลางและการลงทุนของผู้บริโภครายย่อยที่ยังคงความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง
Mr. Andrew Naylor ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำภูมิภาค APAC (ไม่รวมประเทศจีน) ของสภาทองคำโลก กล่าวว่า "แม้ตลาดส่วนใหญ่ในภูมิภาคอาเซียนจะมีการลงทุนของนักลงทุนรายย่อยเพิ่มมากขึ้นในปี 2565 แต่ประเทศไทยกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น เนื่องจากความต้องการทองคำแท่งและเหรียญทองคำรายปีได้ลดลงมาเล็กน้อย โดยมาอยู่ที่ 28.5 ตัน ในขณะที่ความต้องการอัญมณีรายปีในประเทศยังคงค่อนข้างซบเซาหากเทียบกับช่วงก่อนเกิดโรคระบาดแม้ว่าความต้องการรายไตรมาสจะสูงกว่าก็ตาม"
หากมองในภาพรวมของตลาดทองคำทั่วโลกแล้วความต้องการรายปีของธนาคารกลางเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวไปอยู่ที่ 1,136 ตัน ในปี 2565จาก 450 ตัน ในปีก่อนหน้า ซึ่งนับเป็นการทุบสถิติในรอบ 55 ปี โดยมียอดซื้อในไตรมาส 4/2565 เพียงไตรมาสเดียวที่สูงถึง 417 ตัน ซึ่งทำให้ยอดรวมในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 พุ่งไปมากกว่า 800 ตัน
Ms. Louise Street นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสของสภาทองคำโลก (World Gold Council) กล่าวว่า ปีที่ผ่านมาระดับความต้องการทองคำรายปีที่สูงที่สุดในรอบทศวรรษ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะได้รับแรงหนุนจากความต้องการที่สูงของธนาคารกลางเพื่อสำรองไว้เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ด้วยการขับเคลื่อนความต้องการที่มีความหลากหลายของตลาดทองคำมีบทบาทในการสร้างความสมดุล แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นจะทำให้เกิดเงินทุนไหลออก ETF ในทางเทคนิค แต่ในขณะเดียวกันอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นกระตุ้นให้มีการลงทุนในทองคำแท่งและเหรียญทองคำ โดยความต้องการในการลงทุนเพิ่มขึ้น 10% จากปีที่ผ่านมา
ความต้องการทองคำที่เพิ่มขึ้นเป็นไปทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ประเทศ สปป.ลาว ที่บมจ.อัลฟ่า ดิวิชั่นส์ (ALPHAX) ได้เข้าไปทำธุรกิจเกี่ยวกับทองคำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “ธีร ชุติวราภรณ์” กล่าวว่า แผนธุรกิจในปี 66 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 100% โดยเป็นผลมาจากการปรับกลยุทธ์เดินหน้าลุยธุรกิจใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายบริษัทที่มุ่งหวังการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์และเป้าหมายเน้นที่การขยายธุรกิจในด้านอื่นๆ เพื่อปรับตัวให้เข้ากับยุคปัจจุบันที่มีเรื่องของนวัตกรรมเข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น โดยไม่กระจุกตัวธุรกิจเพียงแค่ในประเทศ แต่สร้างโอกาสและรายได้ในต่างประเทศไปด้วยกัน
ทั้งนี้ในส่วนธุรกิจสินเชื่อที่ประเทศลาว มีแผนการขยายจะแบ่ง 2 ส่วน เน้นขยายสินเชื่อผ่านทองคำโดยการแบ่งกลุ่มเป้าหมายเป็น
(1.) B2C: บริษัทฯได้เริ่มแผนการขยายพอร์ตสินเชื่อทองคำให้เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับกับความต้องการของลูกค้าที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปี 2565
(2.) กลุ่ม B2B: เป็นการขยายตลาดสู่เจ้าของกิจการร้านทองในสปป.ลาว ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ ซึ่งจะหนุนการเติบโตของบริษัทฯได้เป็นอย่างดี นอกจากกลุ่มการขยายสินเชื่อทองแล้ว บริษัทยังวางแผนการการเพิ่ม product สินเชื่อ เช่น สินเชื่อให้กู้ยืมอุปกรณ์เพื่อการศึกษาสำหรับนักเรียน นักศึกษาในประเทศลาวอีกด้วย
นอกจากนี้บริษัทฯมีแผนการลงทุนใน Digital Gold เนื่องจากบริษัทเล็งเห็นถึงการเติบโตปี 65 ที่ผ่านมาธุรกิจสินเชื่อทองคำเติบโตและได้รับความนิยมค่อนข้างสูงในประเทศลาว จึงทำให้บริษัทฯเล็งเห็นแผนการขยายธุรกิจด้านทองคำในประเทศไทย บริษัทฯมีแผนการสำหรับธุรกิจ Digital Gold ครบวงจร สำหรับการซื้อขายทอง ออมทอง และลงทุนทอง โดยใช้ความเชี่ยวชาญจากพันธมิตรหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น พันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านธุรกิจการเงินธุรกิจสินเชื่อ ธุรกิจทองคำ ธุรกิจเทคโนโลยีและสารสนเทศ เป็นต้น
โดยธุรกิจทองคำในประเทศได้วางแผนเดินหน้าร่วมมือกับบริษัททองที่ใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลก และส่วนของเทคโนโลยี ที่ได้เตรียมความพร้อมกับพาร์ตเนอร์ที่มีความชำนาญและมีการใช้ digital platform มาเป็นเครื่องมือในการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกัน วัตถุประสงค์จากการจับมือกันในครั้งนี้เชื่อว่า สินค้าและบริการเรื่องทองคำจะสร้างความแตกต่างและตอบโจทย์กับกลุ่มลูกค้าทั้งการซื้อขายทอง ออมทอง และลงทุนทองได้อย่างครบวงจร ระหว่างนี้อยู่ในช่วงศึกษาโครงการ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปพร้อมกับการลงทุนภายในไตรมาส 2/66
นอกจากนี้ บริษัทฯมีแผนในการขยายเส้นทางธุรกิจเพิ่มเติมในสปป.ลาว เป็นการขยายธุรกิจการเงินทั้งแบบมีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน ร่วมกับพันธมิตรที่มีศักยภาพและแข็งแกร่งในสปป.ลาว โดยบริษัทฯมีความเชื่อมั่นว่าแผนธุรกิจใหม่นี้จะได้รับผลตอบแทนที่สูง ช่วยผลักดันการเติบโตให้บริษัทฯอย่างก้าวกระโดด สอดรับแผนการก้าวสู่ความเป็นผู้นำอย่างยั่งยืน
รายงาน Gold Demand Trends ฉบับล่าสุดจากสภาทองคำโลก (World Gold Council) เผยความต้องการทองคำทั่วโลกประจำปี 2565 (ไม่รวมการซื้อขายนอกตลาดหลักทรัพย์) เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยแตะ 4,741 ตัน ซึ่งเป็นยอดรวมรายปีที่สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา โดยเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสที่สี่ของปี 2565 นี้ ได้รับแรงหนุนจากการซื้อของธนาคารกลางและการลงทุนของผู้บริโภครายย่อยที่ยังคงความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง
Mr. Andrew Naylor ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำภูมิภาค APAC (ไม่รวมประเทศจีน) ของสภาทองคำโลก กล่าวว่า "แม้ตลาดส่วนใหญ่ในภูมิภาคอาเซียนจะมีการลงทุนของนักลงทุนรายย่อยเพิ่มมากขึ้นในปี 2565 แต่ประเทศไทยกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น เนื่องจากความต้องการทองคำแท่งและเหรียญทองคำรายปีได้ลดลงมาเล็กน้อย โดยมาอยู่ที่ 28.5 ตัน ในขณะที่ความต้องการอัญมณีรายปีในประเทศยังคงค่อนข้างซบเซาหากเทียบกับช่วงก่อนเกิดโรคระบาดแม้ว่าความต้องการรายไตรมาสจะสูงกว่าก็ตาม"
หากมองในภาพรวมของตลาดทองคำทั่วโลกแล้วความต้องการรายปีของธนาคารกลางเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวไปอยู่ที่ 1,136 ตัน ในปี 2565จาก 450 ตัน ในปีก่อนหน้า ซึ่งนับเป็นการทุบสถิติในรอบ 55 ปี โดยมียอดซื้อในไตรมาส 4/2565 เพียงไตรมาสเดียวที่สูงถึง 417 ตัน ซึ่งทำให้ยอดรวมในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 พุ่งไปมากกว่า 800 ตัน
Ms. Louise Street นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสของสภาทองคำโลก (World Gold Council) กล่าวว่า ปีที่ผ่านมาระดับความต้องการทองคำรายปีที่สูงที่สุดในรอบทศวรรษ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะได้รับแรงหนุนจากความต้องการที่สูงของธนาคารกลางเพื่อสำรองไว้เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ด้วยการขับเคลื่อนความต้องการที่มีความหลากหลายของตลาดทองคำมีบทบาทในการสร้างความสมดุล แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นจะทำให้เกิดเงินทุนไหลออก ETF ในทางเทคนิค แต่ในขณะเดียวกันอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นกระตุ้นให้มีการลงทุนในทองคำแท่งและเหรียญทองคำ โดยความต้องการในการลงทุนเพิ่มขึ้น 10% จากปีที่ผ่านมา
ความต้องการทองคำที่เพิ่มขึ้นเป็นไปทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ประเทศ สปป.ลาว ที่บมจ.อัลฟ่า ดิวิชั่นส์ (ALPHAX) ได้เข้าไปทำธุรกิจเกี่ยวกับทองคำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “ธีร ชุติวราภรณ์” กล่าวว่า แผนธุรกิจในปี 66 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 100% โดยเป็นผลมาจากการปรับกลยุทธ์เดินหน้าลุยธุรกิจใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายบริษัทที่มุ่งหวังการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์และเป้าหมายเน้นที่การขยายธุรกิจในด้านอื่นๆ เพื่อปรับตัวให้เข้ากับยุคปัจจุบันที่มีเรื่องของนวัตกรรมเข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น โดยไม่กระจุกตัวธุรกิจเพียงแค่ในประเทศ แต่สร้างโอกาสและรายได้ในต่างประเทศไปด้วยกัน
ทั้งนี้ในส่วนธุรกิจสินเชื่อที่ประเทศลาว มีแผนการขยายจะแบ่ง 2 ส่วน เน้นขยายสินเชื่อผ่านทองคำโดยการแบ่งกลุ่มเป้าหมายเป็น
(1.) B2C: บริษัทฯได้เริ่มแผนการขยายพอร์ตสินเชื่อทองคำให้เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับกับความต้องการของลูกค้าที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปี 2565
(2.) กลุ่ม B2B: เป็นการขยายตลาดสู่เจ้าของกิจการร้านทองในสปป.ลาว ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ ซึ่งจะหนุนการเติบโตของบริษัทฯได้เป็นอย่างดี นอกจากกลุ่มการขยายสินเชื่อทองแล้ว บริษัทยังวางแผนการการเพิ่ม product สินเชื่อ เช่น สินเชื่อให้กู้ยืมอุปกรณ์เพื่อการศึกษาสำหรับนักเรียน นักศึกษาในประเทศลาวอีกด้วย
นอกจากนี้บริษัทฯมีแผนการลงทุนใน Digital Gold เนื่องจากบริษัทเล็งเห็นถึงการเติบโตปี 65 ที่ผ่านมาธุรกิจสินเชื่อทองคำเติบโตและได้รับความนิยมค่อนข้างสูงในประเทศลาว จึงทำให้บริษัทฯเล็งเห็นแผนการขยายธุรกิจด้านทองคำในประเทศไทย บริษัทฯมีแผนการสำหรับธุรกิจ Digital Gold ครบวงจร สำหรับการซื้อขายทอง ออมทอง และลงทุนทอง โดยใช้ความเชี่ยวชาญจากพันธมิตรหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น พันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านธุรกิจการเงินธุรกิจสินเชื่อ ธุรกิจทองคำ ธุรกิจเทคโนโลยีและสารสนเทศ เป็นต้น
โดยธุรกิจทองคำในประเทศได้วางแผนเดินหน้าร่วมมือกับบริษัททองที่ใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลก และส่วนของเทคโนโลยี ที่ได้เตรียมความพร้อมกับพาร์ตเนอร์ที่มีความชำนาญและมีการใช้ digital platform มาเป็นเครื่องมือในการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกัน วัตถุประสงค์จากการจับมือกันในครั้งนี้เชื่อว่า สินค้าและบริการเรื่องทองคำจะสร้างความแตกต่างและตอบโจทย์กับกลุ่มลูกค้าทั้งการซื้อขายทอง ออมทอง และลงทุนทองได้อย่างครบวงจร ระหว่างนี้อยู่ในช่วงศึกษาโครงการ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปพร้อมกับการลงทุนภายในไตรมาส 2/66
นอกจากนี้ บริษัทฯมีแผนในการขยายเส้นทางธุรกิจเพิ่มเติมในสปป.ลาว เป็นการขยายธุรกิจการเงินทั้งแบบมีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน ร่วมกับพันธมิตรที่มีศักยภาพและแข็งแกร่งในสปป.ลาว โดยบริษัทฯมีความเชื่อมั่นว่าแผนธุรกิจใหม่นี้จะได้รับผลตอบแทนที่สูง ช่วยผลักดันการเติบโตให้บริษัทฯอย่างก้าวกระโดด สอดรับแผนการก้าวสู่ความเป็นผู้นำอย่างยั่งยืน