จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : รัฐเร่งเบิกจ่ายงบครึ่งปีหลังหนุน ขนส่ง “คอนกรีต-สินค้า” ดันผลงาน MENA แกร่ง


20 สิงหาคม 2567

การเติบโตของเศรษฐกิจไทยปีนี้  กดดันให้รัฐบาลต้องเร่งเบิกจ่ายเงินงบประมาณ เพื่อกระตุ้นการขยายตัว หนุนภาคขนส่งคอนกรีตของเอกชน โดยเฉพาะบมจ.มีนาทรานสปอร์ต (MENA) ผู้นำธุรกิจนี้

รายงานพิเศษ MENA copy.jpg

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ กล่าวถึงประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2567 คาดว่า ปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 2.3-2.8% ซึ่งมีค่ากลางอยู่ที่ 2.5% เท่าเดิมกับที่เคยประมาณการไว้ในการแถลงรอบก่อนหน้า (เดือนพ.ค.) โดยคาดว่า การอุปโภคบริโภค และการลงทุนภาคเอกชน จะขยายตัวได้ 4.5% และ 0.3% ตามลำดับ

ขณะที่การลงทุนรวม ลดลง 6.2% จากการลงทุนภาคเอกชนที่ลดลง 6.8% และการลงทุนภาครัฐที่ลดลง 4.3% นอกจากนี้ ภาคการก่อสร้าง ยังปรับตัวลดลง 5.5% เป็นผลมาจากงบลงทุนของภาครัฐและเอกชนที่หดตัว

ดังนั้นในช่วงที่เหลือของปี รัฐบาลจะต้องเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ  ซึ่งมองว่าการเบิกจ่ายมีแนวโน้มดีขึ้นจากสัญญาผูกกันงบประมาณที่ผ่านมา และการเบิกจ่ายเม็ดเงินลงุทนของรัฐบาลที่ดีขึ้นตั้งแต่เริ่มครึ่งปีหลัง ซึ่งเติบโตมากกว่าเดิม ประกอบกับจะมีเม็ดเงินงบประมาณรายจ่าย ปี 68 ที่จะเริ่มออกมาในเดือนต.ค.67 ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยไตรมาส 4/57 มีเม็ดเงินเบิกจ่ายลงทุนมากขึ้นด้วย

การลงทุนภาครัฐเป็นปัจจัยสำคัญที่จะกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจไทย  และสนับสนุนผลงานของภาคเอกชน  โดย “นางสุวรรณา ขจรวุฒิเดช” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.มีนาทรานสปอร์ต (MENA)  ผู้นำธุรกิจให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถมิกเซอร์ (Mixer) และรถเทรลเลอร์ (Trailer) รายใหญ่ของประเทศ เปิดเผยถึงแนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลังของบริษัทฯ เชื่อว่ายังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าธุรกิจโลจิสติกส์ในครึ่งปีหลังจะยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องทั้งธุรกิจการให้บริการ ขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถมิกซ์เซอร์และธุรกิจการขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค

โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ซึ่งล่าช้ามาจากปี 2566 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ภาครัฐเดินหน้าพัฒนาโครงสร้าง พื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง มุ่งยกระดับการขนส่งและโลจิสติกส์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ทั้งทางราง ถนน นํ้า และอากาศ ทําให้การเดินทางเชื่อมต่อของระบบขนส่งเป็นไปอย่างไร้รอยต่อ ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจหลักของ MENA คือ การให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถมิกเซอร์ (Mixer)

นอกจากนี้การลงทุนของภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นโดยขานรับกับการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นจากนโยบายฟรีวีซ่าของรัฐบาล และโครงการดิจิตอลวอลเล็ต จะเป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจของ MENA และ TDM ซึ่งเป็นบริษัทร่วมของ MENAโดยนอกจากจะทําให้ธุรกิจการก่อสร้างขยายตัวแล้ว ยังจะทําให้การขนส่งสินค้าอุปโภค บริโภคเพิ่มขึ้นอีกด้วย

บริษัทฯ ยังคงมีแผนขยายงานขนส่งอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้ ผ่านทางการมองหาพันธมิตรใหม่ๆ เพื่อขยายตลาดร่วมกันโดย เฉพาะงานขนส่ง e-commerce ซึ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้นในการเข้าไปให้บริการของ MENA ซึ่งเป็นการเพิ่มฟลีทรถ และการบริหาร ฟลีทรถที่มีอยู่แล้วให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ในขณะเดียวกัน MENA จะใช้ความชํานาญและประสบการณ์ในการบริหารจัดการ ธุรกิจโลจิสติกส์ในการบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้กําไรเติบโตไปพร้อม ๆ กับการเติบโตของรายได้ในส่วน ของบริษัทร่วมทุน TDM ก็มีแผนจะขยายฟลีทรถ เพื่อรองรับปริมาณงานที่จะเพิ่มขึ้นจากการขยายสาขาของ ซี.เจ. เอ็กซ์เพรส รวมถึงสินค้าใหม่ของกลุ่มคาราบาว  

ด้านบล.ดาโอ  วิเคราะห์หุ้น MENA ว่าคงคำแนะนำ “ถือ” แต่ปรับราคาเป้าหมายลงมาที่ 1.11 บาท (เดิม 1.35 บาท) อิง PER 13x  เทียบเท่า PEG 0.9x โดยอิง looking forward growth ปี 2024E-26E CAGR ที่ +15%

เพื่อสะท้อนประมาณการใหม่ ทั้งนี้บริษัทประกาศกำไรปกติไตรมาส 2/67 ที่ 14 ล้านบาท ลดลง 12% จากปีก่อน  แต่ เพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาสก่อน โดยสาเหตุที่ลดลงจากปีก่อนเพราะจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการขยายกองรถแต่รายได้เติบโตในอัตราต่ำจากความล่าช้าในการเบิกจ่ายงบภาครัฐ (รายได้รวม+6% YoY, +2% QoQ ส่วน GPM -2.8ppt YoY, -0.7ppt QoQ และ SG&A +9% YoY, -13% QoQ) ส่วน QoQ ฟื้นตัวได้จากส่วนแบ่งก าไร TDM ที่เพิ่มขึ้น (+99% YoY, +28% QoQ)

ทั้งนี้เราปรับประมาณการกำไรปกติปี 67-68 ลงมาที่ 63 ล้านบาท ลดลง 12% จากปีก่อน  และ 79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% จากปีก่อน ลดลงจากประมาณการเดิม -17% และ -14% ตามลำดับ หลังผลประกอบการครึ่งแรกปี 67 ออกมาต่ำกว่าที่ประเมิน โดยสมมติฐานหลักปรับ SG&A ขึ้น 25% ในปี 67 จากประมาณการเดิมหลังครึ่งหลังปี 67 ออกมามากกว่าคาดอย่างมีนัยสำคัญจากการขยายธุรกิจ

ทั้งนี้แนวโน้มผลประกอบการครึ่งหลังปี 67 คาดขยายตัวได้มากกว่าในครึ่งแรก ยังคงคาดหวังการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ โดยราคาหุ้น underperform SET กว่า -46% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาจากกรณียอดขายเบียร์ของคาราบาวต่ำกว่าเป้าและแนวโน้มงานภาครัฐล่าช้า แม้ประเมินราคาสะท้อนปัจจัยดังกล่าวไปมาก  แต่เชื่อว่าตลาดจะรอดูพัฒนาการของงานภาครัฐที่จะอกกมาในอนาคต ซึ่งยังใช้เวลาอีกพอสมควรจนถึงไตรมาส 4 ระหว่างนี้จึงยังเป็นเรื่องท้าทายที่ราคาหุ้นจะกลับไป outperform ตลาด