จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : CCET รับวัฎจักรขาขึ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ผลงานครึ่งแรกปี67 กำไรโตแกร่ง


21 สิงหาคม 2567

แนวโน้มวัฎจักรขาขึ้นของสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์  เป็น1ใน4ปัจจัยที่กระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปีนี้ และสนับสนุนผลงานของ บมจ.แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) (CCET) สะท้อนจาก 6 เดือนแรกของปี 67 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,277.65 ล้านบาท  เพิ่มขึ้นถึง 86.93%

รายงานพิเศษ CCET copy.jpg

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒน์ ประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2567 โดยคาดว่า ปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 2.3-2.8% ซึ่งมีค่ากลางอยู่ที่ 2.5%  โดยปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยประกอบด้วย

1.การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว โดยการเพิ่มขึ้นของจำนวน และรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ มีแนวโน้มกลับเข้าสู่ระดับปกติมากขึ้น ประกอบกับมีแนวโน้มการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของนักท่องเที่ยวไทย 

2.การขยายตัวในเกณฑ์ดีของการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ การใช้จ่ายในหมวดบริการ และสินค้าไม่คงทน มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง สอดคล้องกับแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของรายได้ทั้งในและนอกภาคเกษตร เช่นเดียวกับตลาดแรงงานที่ยังแข็งแกร่ง โดยอัตราการว่างงานล่าสุดยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำที่ 1.07% ขณะที่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังอยู่ในระดับสูง

3.การเพิ่มขึ้นของแรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่าย และการลงทุนภาครัฐในช่วงครึ่งปีหลัง การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ และการใช้จ่ายภาครัฐประจำปีงบประมาณ 2567 ส่งผลให้การเบิกจ่ายงบประมาณ โดยเฉพาะรายจ่ายลงทุนเร่งตัวขึ้น และแรงสนับสนุนเพิ่มเติมจากการเบิกจ่ายภายใต้กรอบงบประมาณรายจ่าย ปี 2568 ที่คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จตามกรอบเวลาปกติ

4.การกลับมาขยายตัวอย่างช้า ๆ ของภาคการส่งออกตามการฟื้นตัวของการค้าโลก โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ ทั้งภาคการผลิตและบริการในหลายประเทศส่วนใหญ่มีแนวโน้มฟื้นตัว ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมหลัก และแนวโน้มวัฎจักรขาขึ้นของสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์

สภาพัฒน์ยังเห็นว่า รัฐบาลต้องเร่งสร้างอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีสูงขึ้น   ซึ่งปัจจุบันก็มีการดำเนินการผ่าน BOI เช่น เซมิคอนดักเตอร์ และเทคโนโลยีดิจิทัล

แนวโน้มวัฎจักรขาขึ้นของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ สะท้อนได้จากผลการดำเนินงานของ บมจ.แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) (CCET) ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์อีเล็คโทรนิคส์ในรูปแบบของ Electronics Manufacturing Services (EMS) โดยมีกลุ่มลูกค้าหลัก 2 ประเภทคือ อุปกรณ์ประกอบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์โทรคมนาคม 

โดยผลงานครึ่งแรกปี 67 มีกำไรสุทธิ 35.03 ล้านเหรียญสหรัฐ (เทียบเท่ากับ 1,277.65 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 86.93% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและสูงกว่าตัวเลขกำไรสุทธิของปี 2566 ที่มีกำไรสุทธิ 1,115.61 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 1,856.42 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือเทียบเท่ากับ 67,639.23 ล้านบาท) ลด 14.50% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ส่วนในงวดไตรมาส 2/67 บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 19.96 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือเทียบเท่ากับ 736.18 ล้านบาท) หรือเพิ่มขึ้น 90.71% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนรายได้จากการขาย 975.06 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือเทียบเท่ากับ 35,959.81 ล้านบาท) ลดลง 10.61% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน 

"การที่บริษัทฯมีกำไรเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง จากการปรับโครงสร้างภายใน เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านการบริหารโดยรวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในต่างประเทศ รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านการตลาดและบริหารจัดการลูกค้าที่ลดลง เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา รวมทั้งต้นทุนดอกเบี้ยที่ลดลงจากการนำเงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุนไป ชำระหนี้สถาบันการเงิน เพื่อลดภาระดอกเบี้ย ทำให้ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ"

นอกจากนี้โรงงานแห่งใหม่จะผลิตสินค้าตามคำสั่งซื้อจากลูกค้าโดยเริ่มมุ่งเน้นไปที่สินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง เช่น ผลิตภัณฑ์การพิมพ์และภาพคุณภาพสูง (Laser Printer), อุปกรณ์สำหรับจัดเก็บข้อมูล (SSD), อุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะ (Wearable Device) และอื่นๆ อีกทั้งสาขาต่างประเทศของบริษัทฯ ยังสามารถตอบสนองความต้องการใหม่ๆ เช่น Data Server อุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ เครื่องใช้ในบ้านอัจฉริยะและระบบเฝ้าระวัง (IoT) และอื่นๆ