กระดานข่าว

ASIMAR โชว์แกร่ง Q2/67 กำไรพุ่งกว่า 207% ชี้ H2 ดีมานด์ต่อเรือ- ซ่อมเรือ สูง หนุนรายได้โต 50% ตามแผน


21 สิงหาคม 2567

“บมจ.เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์ หรือ ASIMAR” งบไตรมาส 2/67 กำไรแกร่ง อยู่ที่ 11.73 ลบ. โต 207.91% จากปีก่อนที่ขาดทุน 10.87 ลบ. โดยมีรายได้รวม 184.29 ลบ. เพิ่มขึ้นถึง 54.67%  เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/66 มาจากรายได้งานซ่อมเรือ ที่มีมูลค่าการซ่อมทำเฉลี่ยต่อลำสูงขึ้น  ส่วนงานต่อเรือมีการรับรู้รายได้ของโครงการต่อเรือปฏิบัติการอุทุกศาสตร์ จำนวน 8.40%  (รายได้สะสมของทั้งโครงการ)  คาดแนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลัง ผลงานยังเติบโตได้ดี หนุนรายได้โต 50% ตามแผน จากการฟื้นตัวของดีมานด์งานซ่อมเรือ

ASIMAR_คุณสุรเดช ตัณฑ์ไพบูลย์_png.png

นายสุรเดช ตัณฑ์ไพบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASIMAR เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2567 มีกำไรสุทธิ 11.73  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.60  ล้านบาท หรือ 207.91% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/66 โดยมีรายได้รวม 184.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65.14 ล้านบาท หรือ 54.67% เป็นรายได้ที่มาจากงานซ่อมเรือ 128.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.50 ล้านบาท หรือ 20.17% โดยในไตรมาส 2 ปีนี้ สาขาสมุทรปราการมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยมีเรือซ่อมเข้ามาตามแผน และมูลค่าการซ่อมทำเฉลี่ยต่อลำสูงขึ้น รวมทั้งมีเรือราชการมูลค่าสูงจำนวน 2 ลำ  ส่วนสาขาสุราษฎร์ธานี มีรายได้เพิ่มขึ้น จากการได้รับงานซ่อมทำเรือยอร์ชซึ่งมีมูลค่าค่อนข้างสูง

ขณะที่มีรายได้จากงานต่อเรือ 34.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.70 ล้านบาท หรือ  787.18% เนื่องจากมีการรับรู้รายได้ของโครงการต่อเรือปฏิบัติการอุทุกศาสตร์ จำนวน 8.40%  (รายได้สะสมของทั้งโครงการ)  

บริษัทมีกำไรขั้นต้น 48.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.65 ล้านบาท หรือ 206.51% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/66 เนื่องจากมีรายได้ทั้งงานซ่อมเรือและงานต่อเรือที่เพิ่มขึ้น และบริษัทสามารถควบคุมต้นทุนเรือซ่อมได้ดีกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน” นายสุรเดช กล่าว

สำหรับแผนธุรกิจปีนี้ บริษัทฯ วางเป้าหมายรายได้เติบโตที่ 50% จากปีก่อน เนื่องจากการประเมินทิศทางธุรกิจต่อเรือ ซ่อมเรือ ดีมานด์ในตลาดสูง จากการขยายตัวของธุรกิจขนส่งระหว่างประเทศ และการท่องเที่ยว มีแนวโน้มเติบโตที่ดี รวมทั้งยังมี Backlog โครงการต่อเรือในมืออีกราว 750 ล้านบาท ในขณะที่ในช่วงครึ่งปีหลัง ปี 2567 นี้ บริษัทรอลุ้นงานโครงการใหญ่อีก มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท