จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : CMAN ตอกย้ำเป้า TOP 5 ของโลก เดินหน้าเปิดโรงงานผลิตปูนไลม์ในอินเดีย


22 สิงหาคม 2567
บมจ.เคมีแมน (CMAN) ตอกย้ำเป้าหมายขึ้น Top 5 ของโลก   เปิดโรงงานผลิตปูมไลม์แห่งใหม่ในอินเดีย มั่นใจสร้างผลงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เศรษฐกิจอินเดียเติบโตอย่างแข็งแกร่ง มีโครงสร้างประชากรที่เอื้อต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ และการสนับสนุนจากนโยบายของรัฐบาล 

รายงานพิเศษ CMAN copy.jpg

โดยคาดการณ์ว่าอินเดียจะเป็นหนึ่งในประเทศที่เศรษฐกิจขยายตัวเร็วที่สุดในโลก โดยมีการประมาณการว่า GDP ปี 2567 และ 2568 จะมีอัตราเติบโตถึง 7.8% และ 7% ตามลำดับ สอดคล้องกับการคาดการณ์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่คาดว่าเศรษฐกิจอินเดียจะเติบโตเฉลี่ย 6.5% ในช่วง 5 ปีข้างหน้า 

ปัจจุบันอินเดียมีประชากรรวม 1,420 ล้านคน เป็นอันดับ 1 ของโลก และมีอัตราขยายตัวของประชากรเฉลี่ย 0.5% ต่อปี

ขณะที่รัฐบาลที่บริหารประเทศก็ยังคงเป็นชุดเดิม ทำให้การดำเนินนโยบายภาครัฐและการพัฒนาประเทศมีความต่อเนื่อง โดยเฉพาะด้านการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน อุตสาหกรรม และการสร้างงาน 

การเติบโตอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจอินเดีย สอดคล้องกับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของ บมจ.เคมีแมน (CMAN) ที่มีเป้าหมายติด Top5 ของโลก  โดยเน้นลงทุนทั้งต้นน้ำและปลายน้ำ พัฒนาสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม และเจาะตลาดใหญ่ที่กำลังเติบโตสูงอย่างอินเดีย ออสเตรเลีย และอินโดนีเซีย 

ขณะที่ “มล.จันทรจุฑา จันทรทัต”  ประธานกรรมการ บมจ.เคมีแมน (CMAN) ระบุ แนวโน้มครึ่งปีหลัง บริษัทคาดว่า จะยังรักษาอัตรากำไรในระดับที่น่าพอใจ บริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และชำระคืนเงินกู้ระยะยาวได้ตามกำหนด ขณะเดียวกัน โครงการลงทุนในต่างประเทศก็ยังคงคืบหน้าตามแผนงาน โดยในวันที่ 15 สิงหาคมนี้ จะมีพิธีวางศิลาฤกษ์เพื่อเริ่มก่อสร้างโรงงานผลิตปูนไลม์แห่งใหม่ที่เมืองคิมซ่า รัฐราชสถาน ประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นความร่วมมือกับ Khimsar Mine Corporation (KMC)

"ผลการดำเนินงานไตรมาสนี้แข็งแรงมาก แสดงถึงความสำเร็จของบริษัทในการขยายฐานลูกค้า การควบคุมต้นทุนพลังงานและการผลิต และการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน ท่ามกลางความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจชะลอตัว บริษัทใช้กลยุทธ์หลักในการบริหารความเสี่ยง สร้างความแข็งแกร่งผ่านการเป็นพันธมิตรกับลูกค้าและคู่ค้า การจัดการต้นทุนการผลิตให้มีประสิทธิภาพ และการลดต้นทุนทางการเงิน ด้วยกลยุทธ์ดังกล่าวและการปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถสร้างผลงานที่ดีมากในปีนี้" มล.จันทรจุฑา กล่าว
          
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2/67 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการจำนวน 935 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.2% และกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และรายการพิเศษ อยู่ที่ 276 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.3% ขณะที่กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

"ผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมาย โดยมีปริมาณการขายใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่สัดส่วนการส่งออกมากกว่า ยอดส่งออกเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะจากลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ขณะที่ยอดขายในประเทศลดลง เนื่องจากความต้องการปูนไลม์จากอุตสาหกรรมน้ำตาลและเยื่อกระดาษลดลง อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 37.3% เพิ่มขึ้น 3.9% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากต้นทุนพลังงานและการผลิตลดลง รวมถึงค่าเงินบาทที่อ่อนลงทำให้รับรู้รายได้จากการส่งออกเพิ่มขึ้น" 

ส่วนต้นทุนทางการเงินลดลง 18.3% เนื่องจากภาระหนี้สินน้อยลงและอัตราดอกเบี้ยลดลงจากการแปลงเงินกู้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมาเป็นเงินบาท ทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 91 ล้านบาท หากไม่นับผลกระทบจากรายการพิเศษที่ไม่ใช่เงินสด กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 115 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.5% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน