จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : โบรกฯแนะนำหุ้น SAFE 4 จุดแข็งสร้างรายได้ปี 67 โต 20%
23 สิงหาคม 2567
บมจ.เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป (SAFE) ผู้นำการใช้เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร เป็นหุ้นที่มีน่าสนใจจาก 4 จุดแข็ง “ผู้นำเทคโนโลยีสำหรับให้บริการเพื่อการมีบุตร เตรียมใช้เทคโนโลยีใหม่ PTG-A Seq -จับตลาดพรีเมียมกำลังซื้อสูง-การขยายตลาดต่างชาติ-มีโอกาสเติบโตแบบ In-Organic” หนุนรายได้ปีนี้โต 20%
บล.กรุงศรี วิเคราะห์ บมจ.เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป (SAFE) โดยระบุว่า แนะนำ ซื้อ ประเมินราคาเป้าหมาย 21 บาท ด้วยวิธี DCF WACC 9.5% L-T growth 3% คิดเป็น Imply PE ปี25F ที่24 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PE ปี 25F ที่ 25.3 เท่าของกลุ่มการแพทย์ที่ศึกษา 5 บริษัท แต่สูงกว่า GFC (TP25F 12.20 บาท วิธี DCF WACC 8.1% L-T growth 3% คิดเป็น Imply PE ปี 68 ที่ 23 เท่า เรามองว่าหุ้น SAFE มีความน่าสนใจ
1) ได้เปรียบในการแข่งขันจากเป็นผู้นำเทคโนโลยีสำหรับให้บริการเพื่อการมีบุตร เตรียมให้บริการเทคโนโลยีใหม่ PTG-A Seq เดือน ก.ย.นี้ 2) จับตลาดพรีเมียมกำลังซื้อสูง ทำให้มีความอ่อนไหวต่อราคาไม่มาก 3) มีโอกาสเติบโตจากการขยายตลาดต่างชาติใหม่ๆ 4) ระยะยาวมีโอกาสเติบโตแบบ In-Organic
SAFE ดำเนินกลยุทธ์แบบเครือข่ายสำหรับให้บริการศูนย์การแพทย์ เพื่อการมีบุตรครบวงจร มีจุดเด่นเป็นผู้นำในการใช้เทคโนโลยี สำหรับให้บริการเพื่อการมีบุตรที่ทันสมัยด้วยมาตรฐานสากล ปัจจุบันมีเครือข่าย 5 สาขา (กรุงเทพ 2 สาขา, ศรีราชา, ขอนแก่น และภูเก็ต)
โดยการให้บริการประมาณ 99% เป็นด้วยวิธี ICSI นอกจากนี้ยังให้บริการตรวจวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อนฯ ทั้งประเภท PTG และ NIPT สำหรับลูกค้าภายใน และลูกค้าภายนอก เช่น คลีนิก IVF และ รพ.ใน/ต่างประเทศ โดยเดือน ก.ย.นี้ จะให้บริการเทคโนโลยีใหม่ PTG-A Seq ซึ่งจะช่วยคัดกรองจำนวนตัวอ่อนมีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จในกำรตั้งครรภ์เรามองเป็นปัจจัยบวกต่อการเติบโตในปี 2568
SAFE วางตำแหน่งทางการตลาดเป็นผู้ให้บริการระดับพรีเมี่ยม เน้นคุณภาพและมาตรฐานให้บริการมากกว่าการแข่งขันราคา มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในและต่างประเทศที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง เทียบกับครึ่งแรกปี 67 มีสัดส่วนลูกค้าต่างชาติ 44%) ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อราคาไม่มาก นอกจากนี้ยังมีการทำตลาดเชิงรุกต่อเนื่องร่วมกับเอเจนซี โดยต้น 3Q24F บริษัทขยายตลาดในบังคลาเทศ
เรามองว่าความมีชื่อเสียงและคุณภาพให้บริการของ SAFE ประกอบกับฐานลูกค้าต่างชาติที่แข็งแกร่ง ทำให้มีโอกาสเติบโตจากการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยผู้บริหารคงตั้งเป้าหมายปี 67 รายได้เติบโตราว 20% และใน ครึ่งหลังของปี 67 มีปัจจัยผลักดันการเติบโต 1) การให้บริการเทคโนโลยีใหม่ PTG-A Seq และ 2) การทำตลาดเชิงรุกต่อเนื่องร่วมกับเอเจนซีจะทำให้มีโอกาสเติบโตจากตลาดต่างชาติใหม่ๆ
คาดกำไรสุทธิเติบโต 14%CAGR 67-69 จากการใช้บริการเพิ่มขึ้น และ %margin ดีขึ้นในปี 67 เราคาดกำไรสุทธิ 232 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อน เนื่องจากคาดรายได้ให้บริการ เพิ่มขึ้น 10% ตามการใช้บริการเพิ่มขึ้น และมี Economies of scale ของจำนวนรอบการเก็บไข่เพิ่มขึ้น ทำให้คาดมี % Gross margin ดีขึ้นเป็น 56.5% จาก 55.3% ในปี 23 ส่วนปี 25F-26F คาดมีกำไรสุทธิ 264 ล้านบาท / 296 ล้านบาท ตามลำดับ หรือมีกำไรสุทธิเติบโต +14%CAGR 67-69
มีปัจจัยบวกจาก 1) คาดรายได้เติบโตต่อปี +10% ตามจำนวนรอบการเก็บไข่และจำนวนการตรวจพันธุกรรมตัวอ่อนเพิ่มขึ้น 2) คาดมี %Gross margin ดีขึ้นเป็น 57.5% / 58.2% ในปี 68-69 3) คาดสามารถบริหารค่าใช้จ่ายต่อรายได้มีสัดส่วน 26.2% ต่อเนื่อง ทำให้ %Net margin ดีขึ้นจาก 25% ในปี 67 เป็น 26.3% ในปี 69
บล.กรุงศรี วิเคราะห์ บมจ.เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป (SAFE) โดยระบุว่า แนะนำ ซื้อ ประเมินราคาเป้าหมาย 21 บาท ด้วยวิธี DCF WACC 9.5% L-T growth 3% คิดเป็น Imply PE ปี25F ที่24 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PE ปี 25F ที่ 25.3 เท่าของกลุ่มการแพทย์ที่ศึกษา 5 บริษัท แต่สูงกว่า GFC (TP25F 12.20 บาท วิธี DCF WACC 8.1% L-T growth 3% คิดเป็น Imply PE ปี 68 ที่ 23 เท่า เรามองว่าหุ้น SAFE มีความน่าสนใจ
1) ได้เปรียบในการแข่งขันจากเป็นผู้นำเทคโนโลยีสำหรับให้บริการเพื่อการมีบุตร เตรียมให้บริการเทคโนโลยีใหม่ PTG-A Seq เดือน ก.ย.นี้ 2) จับตลาดพรีเมียมกำลังซื้อสูง ทำให้มีความอ่อนไหวต่อราคาไม่มาก 3) มีโอกาสเติบโตจากการขยายตลาดต่างชาติใหม่ๆ 4) ระยะยาวมีโอกาสเติบโตแบบ In-Organic
SAFE ดำเนินกลยุทธ์แบบเครือข่ายสำหรับให้บริการศูนย์การแพทย์ เพื่อการมีบุตรครบวงจร มีจุดเด่นเป็นผู้นำในการใช้เทคโนโลยี สำหรับให้บริการเพื่อการมีบุตรที่ทันสมัยด้วยมาตรฐานสากล ปัจจุบันมีเครือข่าย 5 สาขา (กรุงเทพ 2 สาขา, ศรีราชา, ขอนแก่น และภูเก็ต)
โดยการให้บริการประมาณ 99% เป็นด้วยวิธี ICSI นอกจากนี้ยังให้บริการตรวจวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อนฯ ทั้งประเภท PTG และ NIPT สำหรับลูกค้าภายใน และลูกค้าภายนอก เช่น คลีนิก IVF และ รพ.ใน/ต่างประเทศ โดยเดือน ก.ย.นี้ จะให้บริการเทคโนโลยีใหม่ PTG-A Seq ซึ่งจะช่วยคัดกรองจำนวนตัวอ่อนมีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จในกำรตั้งครรภ์เรามองเป็นปัจจัยบวกต่อการเติบโตในปี 2568
SAFE วางตำแหน่งทางการตลาดเป็นผู้ให้บริการระดับพรีเมี่ยม เน้นคุณภาพและมาตรฐานให้บริการมากกว่าการแข่งขันราคา มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในและต่างประเทศที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง เทียบกับครึ่งแรกปี 67 มีสัดส่วนลูกค้าต่างชาติ 44%) ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อราคาไม่มาก นอกจากนี้ยังมีการทำตลาดเชิงรุกต่อเนื่องร่วมกับเอเจนซี โดยต้น 3Q24F บริษัทขยายตลาดในบังคลาเทศ
เรามองว่าความมีชื่อเสียงและคุณภาพให้บริการของ SAFE ประกอบกับฐานลูกค้าต่างชาติที่แข็งแกร่ง ทำให้มีโอกาสเติบโตจากการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยผู้บริหารคงตั้งเป้าหมายปี 67 รายได้เติบโตราว 20% และใน ครึ่งหลังของปี 67 มีปัจจัยผลักดันการเติบโต 1) การให้บริการเทคโนโลยีใหม่ PTG-A Seq และ 2) การทำตลาดเชิงรุกต่อเนื่องร่วมกับเอเจนซีจะทำให้มีโอกาสเติบโตจากตลาดต่างชาติใหม่ๆ
คาดกำไรสุทธิเติบโต 14%CAGR 67-69 จากการใช้บริการเพิ่มขึ้น และ %margin ดีขึ้นในปี 67 เราคาดกำไรสุทธิ 232 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อน เนื่องจากคาดรายได้ให้บริการ เพิ่มขึ้น 10% ตามการใช้บริการเพิ่มขึ้น และมี Economies of scale ของจำนวนรอบการเก็บไข่เพิ่มขึ้น ทำให้คาดมี % Gross margin ดีขึ้นเป็น 56.5% จาก 55.3% ในปี 23 ส่วนปี 25F-26F คาดมีกำไรสุทธิ 264 ล้านบาท / 296 ล้านบาท ตามลำดับ หรือมีกำไรสุทธิเติบโต +14%CAGR 67-69
มีปัจจัยบวกจาก 1) คาดรายได้เติบโตต่อปี +10% ตามจำนวนรอบการเก็บไข่และจำนวนการตรวจพันธุกรรมตัวอ่อนเพิ่มขึ้น 2) คาดมี %Gross margin ดีขึ้นเป็น 57.5% / 58.2% ในปี 68-69 3) คาดสามารถบริหารค่าใช้จ่ายต่อรายได้มีสัดส่วน 26.2% ต่อเนื่อง ทำให้ %Net margin ดีขึ้นจาก 25% ในปี 67 เป็น 26.3% ในปี 69