จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : CHO ตั้งเป้านำสินค้า Brand CHO สู่ระดับสากล ตามโรดแมป “CHO Tech Riders 2030”


25 สิงหาคม 2567

บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) บริษัทคนไทย ผู้นำในการผสมผสานเทคโนโลยีวิศวกรรมผลิตสินค้าอุตสาหกรรมทำให้สินค้าของคนไทยเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก ประกาศแผนธุรกิจปีนี้เดินหน้าตามโรดแมป “CHO Tech Riders 2030” มุ่งสู่การเป็นบริษัท Leading Technology

รายงานพิเศษ CHO.jpg

หากจะพูดถึงบริษัทคนไทยที่เป็นผู้นำในการประสานเทคโนโลยีวิศวกรรมกับสินค้าและผลิตอย่างกว้างขวาง ปัจจุบันคงต้องมีชื่อบริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) (CHO) ติดโผด้วยแน่นอน โดยอยู่ในวงการมายาวนานกว่า 4 ทศวรรษจนทำให้สินค้าของคนไทย กลายเป็นที่ยอมรับในตลาดโลกในทุกๆด้านอย่างแท้จริง 

CHO เริ่มต้นจากการเป็นอู่ต่อตัวถังรถบรรทุกในจังหวัดขอนแก่น และดำเนินกิจการภายใต้ปณิธานอันแแน่วแน่ตั้งแต่วันแรกของการก่อตั้ง นั่นก็คือ “จะทำ อย่างไรให้สินค้าและบริการ ของไทย สามารถยืนหยัดบนเวทีโลกได้อย่างสง่างาม”

CHO ประกอบธุรกิจ ออกแบบ สร้างสรรค์ ผลิตตัวถังติดตั้งระบบวิศวกรรมทางยานยนต์เพื่อการพาณิชย์ ให้บริการเทคโนโลยีระบบราง รวมทั้งผลิตและให้บริการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมในการป้องกันประเทศ สินค้าและบริการของบริษัท เช่น รถบรรทุก รถพ่วง รถบัส รถลำเลียงอาหารสำหรับเครื่องบิน รถไฟ รถดับเพลิง รถกู้ภัย รถหุ้มเกราะ รถลำเลียงพล เรือรบหลวง

อีกทั้ง CHO ยังมีผลิตภัณฑ์กลุ่มมาตรฐาน สร้างสรรค์จากประสบการณ์มาตรฐาน และองค์ความรู้ทางวิศวกรรม ที่ผสมผสานระหว่างแรงงานฝีมือคนไทยและเทคโนโลยีที่สั่งสมมานาน ทำให้ผลิตภัณฑ์มีความโดดเด่น และตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้ครอบคลุมรอบด้าน ด้วยความไว้วางใจจากคู่ค้าชั้นนำระดับประเทศ ทำให้สินค้าของ CHO ถูกจัดอยู่ในอันดับต้นๆ ของการขนส่งในประเทศไทย ซึ่งสามารถพบเห็นได้ทั่วไปบนถนนสาย Logistic หลักๆ ของประเทศ 

ภายใต้แกนนำของ “สุรเดช ทวีแสงสกุลไทย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) (CHO) ประเมินว่า แผนการดำเนินงานในปี 2567 CHO ยังคงเดินหน้าตามโรดแมป “CHO Tech Riders 2030” มุ่งสู่การเป็นบริษัท Leading Technology เพื่อสร้างการเติบโตในอนาคตตามแผนงานที่วางไว้ และจะช่วยผลักดันผลการดำเนินงานให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน 

มุ่งสู่การเป็นบริษัท Leading Technology

บริษัทฯ มีการวางแผน ปฏิบัติงานภายใต้โรดแมป “CHO Tech Riders 2030” มุ่งสู่การเป็นบริษัท Leading Technology โดยมุ่งเน้นทั้งการพัฒนาธุรกิจที่มีอยู่เดิมและธุรกิจใหม่ เพื่อขยายฐานลูกค้าและขอบข่ายการให้บริการให้กว้างขึ้น เพื่อสร้างการเติบโตในอนาคตตามแผนงานที่วางไว้ และจะช่วยผลักดันผลการดำเนินงานให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน สร้างผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ถือหุ้น

เดินหน้าแผนระดมทุน SPAC 

CHO ได้แจ้งการดำเนินการผ่านบริษัท Singto, LLC  ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในประเทศสหรัฐอเมริกาและมีสถานะเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เพื่อลงทุนในบริษัท Arogo Capital Acquisition Crop. (AROGO หรือ บริษัทร่วม) ระดมทุนในรูปแบบ Special Purpose Acquisition Company (SPAC) ในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ประเทศสหรัฐอเมริกา

โดยเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2567 ตามเวลาในประเทศสหรัฐอเมริกา คณะกรรมการของ AROGO ลงนามใน Business Combination Agreement (BCA) เพื่อการยื่นคำขอต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา (U.S. Securities and Exchange : U.S. SEC) เพื่อขอทำการควบรวมกิจการกับบริษัท Ayurcann Holdings Corp หรือ AYUR ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศแคนาดา ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์กัญชารายใหญ่ในประเทศแคนาดา 

โดยมีความเชี่ยวชาญกระบวนการสกัด กำหนดสูตร และพัฒนาผลิตภัณฑ์กัญชา มีเครือข่ายกว่า 3,186 สาขา คิดเป็นกว่า 70% ของร้านค้าที่ได้รับรองตามกฎหมายในประเทศแคนาดา และมีศักยภาพในการเติบโตจากยอดขายรายปีที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีมูลค่าหลังการควบรวมกิจการประมาณ 210 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 7.7 พันล้านบาท) ทั้งนี้หากได้รับอนุมัติจาก U.S. SEC จะเสนอขออนุมัติควบรวมกิจการจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น AROGO โดยคาดว่าจะประชุมในไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 และดำเนินการควบรวมแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2567

ประกาศข่าวดี! แปลงหุ้นบ.ย่อย 

หลังจาก CHO ได้ยื่นคำขอต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา (U.S. Securities and Exchange : U.S. SEC) เพื่อขอทำการควบรวมกิจการกับบริษัท Ayurcann Holdings Corp หรือ AYUR ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศแคนาดา โดยมีมูลค่าการควบรวมกิจการประมาณ 210 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 7.7 พันล้านบาท) ล่าสุดก.ล.ต.สหรัฐ ได้อนุญาตให้ AROGO สามารถใช้สิทธิแปลงหุ้นสามัญ “Class B” เป็นหุ้นสามัญ “Class A” จำนวน 2,587,500 หุ้น ซึ่งทำให้ได้รับสิทธิเพิ่มขึ้นและสามารถซื้อขายในกระดานหลักทรัพย์ NASDAQ ได้ โดยบริษัทย่อย (Singto LLC.,) มีจำนวนหุ้น Class B จำนวน 2,482,500 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.0001 เหรียญสหรัฐ เมื่อแปลงเป็นหุ้น “Class A” แล้วพิจารณาตามราคาอ้างอิงของหลักทรัพย์ “AOGO” ในกระดานซื้อขาย ตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ณ วันที่ 10 กรกฎาคม 2567 ที่ราคา 11.01 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น ส่งผลให้บริษัทย่อย (Singto LLC.,) ประเมินมูลค่าสินทรัพย์ที่ได้รับจากการแปลงหุ้นในครั้งนี้เพิ่มขึ้นประมาณ 27.33 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 990.79 ล้านบาท 

โดยหุ้นดังกล่าวจะสามารถซื้อขายบนกระดานหลักทรัพย์ NASDAQ ได้ภายหลังพ้นจากช่วงเวลาห้ามซื้อขายหลักทรัพย์ “Silent period” นับจากวันที่ได้รับมติอนุมัติการควบรวมกิจการกับ AYUR จากที่ประชุมผู้ถือหุ้น AROGO และทาง U.S. SEC อนุมัติการทำรายการควบรวมกิจการแล้ว

"มั่นใจว่าการระดมทุนในรูปแบบ SPAC ผ่าน Arogo Capital Acquisition Corp. จะช่วยต่อยอดธุรกิจของบริษัทฯ ให้เป็นไปตามโรดแมป CHO Tech Riders 2030 มุ่งสู่การเป็นบริษัท Leading Technology เพื่อสร้างการเติบโตในอนาคตตามแผนงานที่วางไว้ และจะช่วยผลักดันผลการดำเนินงานให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน" นายสุรเดช กล่าว

EV-Bus พร้อมบริการหลังการขาย 

CHO ได้ลงนามสัญญากับบริษัท อันฮุย อันไค ออโตโมบิล (Anhui Ankai Automobile) บริษัทมหาชนผู้ผลิตยานยนต์ชั้นนำของจีน ได้รับแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายรถบัสไฟฟ้าแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยนั้น โดยบริษัทฯ วางแผนการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ EV ทั้งรูปแบบนำเข้ารถบัสไฟฟ้าทั้งคัน และนำเข้าชิ้นส่วนรถบัสไฟฟ้าจากจีน เพื่อประกอบในประเทศแบบ Semi-Knocked Down Kit (SKD) และรวมถึงให้บริการและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ EV-Bus ครบวงจร การเพิ่มตัวแทนจำหน่ายจะทำให้เปิดช่องทางการขาย และการบริการหลังการขายให้กับลูกค้าหรือผู้สนใจในการซื้อรถบัสไฟฟ้าของบริษัทฯ 

โดยมีจุดเด่นในด้านตัวถังรถยนต์ที่ใช้วัสดุทนทานและมีน้ำหนักเบาทำให้ประหยัดพลังงานและ ประกอบกับการใช้แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ซึ่งมีอายุการใช้งานมากกว่าแบบนิเกล-แคมเมียม (NiCd) ถึง 3 เท่า พร้อมให้กำลังขับเคลื่อนสม่ำเสมอตั้งแต่เริ่มทำงานจนเสร็จสิ้นการทำงาน ทำให้รถบัสไฟฟ้ายี่ห้อนี้มีชื่อเสียงด้านความทนทานและประหยัดค่าใช้จ่ายพลังงานที่ถูกว่ารถบัสแบบเดิม 

อีกทั้งยังช่วยลดมลภาวะด้านสิ่งแวดล้อมจากการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยจะเริ่มขยายตลาด EV-Bus จากพันธมิตรธุรกิจที่มีอยู่ และตั้งเป้าหมายลูกค้ากลุ่มบริษัทขนส่งเชิงพาณิชย์เป็นหลัก โดยตั้งเป้าหมายที่จะทำส่วนแบ่งตลาดไม่น้อยกว่าร้อยละ 10-15 ของตลาดรถโดยสารไฟฟ้าในประเทศไทยภายในปี 2567

ปั้นแพลตฟอร์มแท็กซี่ EV 

ล่าสุด CHO ได้ลงนามความร่วมมือกับนักลงทุนนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า EV เพื่อนำระบบ “Advance Commercial EV Platform” ของ CHO มาใช้ให้บริการระบบแท็กซี่ EV100% ในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น สมาคมวิชาชีพผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะแท็กซี่, ธนาคารเวสต์แพค ทรัสต์, บริษัทสกายเวิร์ธกรุ๊ป ,บริษัทกฤษดากรก่อสร้าง จำกัด ,บริษัท วินด์ ก็อด ออโตโมบิล จำกัด และ บริษัท ซันไลท์ แคปปิตอล จำกัด ร่วมจัดตั้งศูนย์พัฒนายานยนต์พลังงานสะอาดและศูนย์ดิจิทัลปัญญาประดิษฐ์ในประเทศไทย เพื่อการพัฒนายานยนต์พลังงานสะอาดทั้งในการผลิต การขาย นวัตกรรม ทั้งทางการเงินในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยสมาคมวิชาชีพผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะแท็กซี่ จะร่วมมือกับนักลงทุนนำรถไฟฟ้า EV เข้ามาเป็นรถแท็กซี่ไฟฟ้า 100% และจะใช้ ระบบ Advance Commercial EV Platforms ของ CHO เป็นระบบพื้นฐานของโครงการดังกล่าว เพื่อเป็นการสร้างและพัฒนาระบบการขนส่งในอนาคตให้มีคาร์บอนต่ำ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและยั่งยืน

CHO จึงตั้งเป้าจะเป็นผู้นำในการออกแบบ สร้างสรรค์ ผลิต ผสานเทคโนโลยีระดับโลก เข้ากับการจัดการอย่างมือาชีพด้วยองค์ความรู้ที่เป็นเอกลักษณ์ เพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศ สร้างความเชื่อมั่น ความพึงพอใจต่อลูกค้า ตามโรดแมป “CHO Tech Riders 2030” มุ่งสู่การเป็นบริษัท Leading Technology ไปพร้อมๆ กับจิตวิญญาณที่รับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม โดยมีเป้าหมายจะนำสินค้าคุณภาพภายใต้ Brand CHO สู่ระดับสากล ด้วยความภาคภูมิใจและสร้างความสุขแก่ผู้ร่วมงาน เพื่อสร้างเสริมอำนาจการแข่งขัน สู่การเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมเทคโนโลยี ให้กับประเทศไทย

CHO