Talk of The Town
สแกน 9 หุ้นตัวเต็ง ได้ประโยชน์งาน “Thailand Focus” คาดดึงต่างชาติลงทุนตลาดหุ้นไทยเพิ่ม
28 สิงหาคม 2567
เกาะติดงาน Thailand Focus ซึ่งปีนี้จัดขึ้นในวันที่ 28-30 ส.ค. นักวิเคราะห์คาดหนุนนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น แนะนำซื้อแนะนำทยอยซื้อกลุ่มคาดได้ประโยชน์จากงาน เช่น นิคมฯ AMATA,WHA/ ดิจิทัล เช่น ADVANC,GULF, DELTA/ การแพทย์ เช่น BDMS,BH / พลังงาน เช่น PTT, IVL
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ติดตามการจัดงาน Thailand Focus ซึ่งปีนี้จัดขึ้นในวันที่ 28-30 ส.ค. คาดจะดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น ผสานกับสถิติของงานในช่วง 2561-2566 ที่ผ่านมา พบว่า SET มักปรับตัวขึ้นด้วยค่าเฉลี่ยราว +1.05% ในช่วงการจัดงาน
แต่อย่างไรก็ดีในระยะสั้น SET เริ่มเข้าสู่แนวต้านสำคัญบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย EMA200 วันที่ระดับ 1373 จุด ดังนั้นอาจเป็นปัจจัยที่ต้องเพิ่มความระมัดระวัง
ส่วนนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนะนำทยอยซื้อกลุ่มคาดได้ประโยชน์จากงาน Thailand Focus เช่น นิคมฯ AMATA,WHA/ ดิจิทัล เช่น ADVANC,GULF,DELTA/ การแพทย์ เช่น BDMS,BH / พลังงาน เช่น PTT,IVL
ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด มีความเห็นว่า ประเด็นในช่วง 28 – 30 ส.ค. 67 มีการจัดงาน THAILAND FOCUS 2024 โดยมีบริษัทจด ทะเบียนเข้าร่วมงานถึง 113 บริษัท ต่อเนื่องด้วย 3 มาตรการกำกับดูแลเพิ่มเติมเพื่อช่วยตลาดทุน ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 2 ก.ย.67 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1.เพิ่มความเข้มข้นของมาตรการกำกับการซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายผิดไปจากสภาพปกติ (“CASH BALANCE”) จากมาตรการฯ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยเพิ่มวิธีจับคู่ซื้อขายในคราวเดียว (AUCTION) ตามช่วงเวลาที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนด คือ ช่วง PRE-OPEN 1, PRE-OPEN 2 และPRE-CLOSE โดยใช้สำหรับหลักทรัพย์ที่เข้าเกณฑ์ CASH BALANCE ตั้งแต่ระดับ 2 ขึ้นไป
2.กำหนดกรอบราคาซื้อขายแบบ DYNAMIC PRICE BAND เป็นรายหลักทรัพย์ (±10% จากราคาซื้อขายล่าสุดของหลักทรัพย์นั้นๆ) เพิ่มเติมจาก CEILING & FLOOR ในปัจจุบัน (±30% จากราคาปิดในวันทำการก่อนหน้า) เพื่อลดความผันผวนในเชิงราคาของแต่ละหลักทรัพย์
3. กำหนดเวลาขั้นต่ำของคำสั่งซื้อขาย ก่อนที่จะสามารถแก้ไขหรือยกเลิกคำสั่งซื้อขาย (MINIMUM RESTING TIME) โดยคำสั่งซื้อขายจะต้องคงอยู่ในระบบอย่างน้อย 250 มิลลิวินาที จึงจะสามารถแก้ไขหรือยกเลิกคำสั่งได้
4.นอกจากนี้หากพิจารณามูลค่าซื้อขายเห็นเพิ่มขึ้นแบบมีคุณภาพมากขึ้น คือ มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน หลังจากได้นายกฯ คนที่ 31 (4 วันทำการ) เท่ากับ 4.68 หมื่นล้านบาท บวก 27% จากเดือน ก.ค. (มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยเดือน ก.ค.ที่ 3.67 หมื่นล้านบาท) และบวก 10% จากต้นปีถึงปัจจุบัน (มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยในปีนี้ 4.25 หมื่นล้านบาท)
ดังนั้นทั้งงาน THAILAND FOCUS 2024 รวมถึง 3 มาตรการยกระดับกำกับดูแลจากทางตลาดฯ น่าจะช่วยหนุนให้มูลค่าซื้อขายหุ้นไทยที่มีคุณภาพ (หัก SHORT SELL ออก)ค่อยๆ เพิ่มขึ้น จากเดือน ส.ค. ที่มีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยแบบหัก SHORT SELL ออกสูงถึง 4.26 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นมาแล้ว 21%จากเดือนก่อน , 11.9% นับจากต้นปีถึงปัจจุบัน ให้เพิ่มขึ้นไปอีก รวมถึงน่าจะช่วยผลักดันให้ TURNOVER ต่อปี เดือน ส.ค. ที่ 67% ให้กลับไปยืนเหนือ 70% ได้
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ติดตามการจัดงาน Thailand Focus ซึ่งปีนี้จัดขึ้นในวันที่ 28-30 ส.ค. คาดจะดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น ผสานกับสถิติของงานในช่วง 2561-2566 ที่ผ่านมา พบว่า SET มักปรับตัวขึ้นด้วยค่าเฉลี่ยราว +1.05% ในช่วงการจัดงาน
แต่อย่างไรก็ดีในระยะสั้น SET เริ่มเข้าสู่แนวต้านสำคัญบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย EMA200 วันที่ระดับ 1373 จุด ดังนั้นอาจเป็นปัจจัยที่ต้องเพิ่มความระมัดระวัง
ส่วนนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนะนำทยอยซื้อกลุ่มคาดได้ประโยชน์จากงาน Thailand Focus เช่น นิคมฯ AMATA,WHA/ ดิจิทัล เช่น ADVANC,GULF,DELTA/ การแพทย์ เช่น BDMS,BH / พลังงาน เช่น PTT,IVL
ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด มีความเห็นว่า ประเด็นในช่วง 28 – 30 ส.ค. 67 มีการจัดงาน THAILAND FOCUS 2024 โดยมีบริษัทจด ทะเบียนเข้าร่วมงานถึง 113 บริษัท ต่อเนื่องด้วย 3 มาตรการกำกับดูแลเพิ่มเติมเพื่อช่วยตลาดทุน ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 2 ก.ย.67 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1.เพิ่มความเข้มข้นของมาตรการกำกับการซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายผิดไปจากสภาพปกติ (“CASH BALANCE”) จากมาตรการฯ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยเพิ่มวิธีจับคู่ซื้อขายในคราวเดียว (AUCTION) ตามช่วงเวลาที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนด คือ ช่วง PRE-OPEN 1, PRE-OPEN 2 และPRE-CLOSE โดยใช้สำหรับหลักทรัพย์ที่เข้าเกณฑ์ CASH BALANCE ตั้งแต่ระดับ 2 ขึ้นไป
2.กำหนดกรอบราคาซื้อขายแบบ DYNAMIC PRICE BAND เป็นรายหลักทรัพย์ (±10% จากราคาซื้อขายล่าสุดของหลักทรัพย์นั้นๆ) เพิ่มเติมจาก CEILING & FLOOR ในปัจจุบัน (±30% จากราคาปิดในวันทำการก่อนหน้า) เพื่อลดความผันผวนในเชิงราคาของแต่ละหลักทรัพย์
3. กำหนดเวลาขั้นต่ำของคำสั่งซื้อขาย ก่อนที่จะสามารถแก้ไขหรือยกเลิกคำสั่งซื้อขาย (MINIMUM RESTING TIME) โดยคำสั่งซื้อขายจะต้องคงอยู่ในระบบอย่างน้อย 250 มิลลิวินาที จึงจะสามารถแก้ไขหรือยกเลิกคำสั่งได้
4.นอกจากนี้หากพิจารณามูลค่าซื้อขายเห็นเพิ่มขึ้นแบบมีคุณภาพมากขึ้น คือ มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน หลังจากได้นายกฯ คนที่ 31 (4 วันทำการ) เท่ากับ 4.68 หมื่นล้านบาท บวก 27% จากเดือน ก.ค. (มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยเดือน ก.ค.ที่ 3.67 หมื่นล้านบาท) และบวก 10% จากต้นปีถึงปัจจุบัน (มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยในปีนี้ 4.25 หมื่นล้านบาท)
ดังนั้นทั้งงาน THAILAND FOCUS 2024 รวมถึง 3 มาตรการยกระดับกำกับดูแลจากทางตลาดฯ น่าจะช่วยหนุนให้มูลค่าซื้อขายหุ้นไทยที่มีคุณภาพ (หัก SHORT SELL ออก)ค่อยๆ เพิ่มขึ้น จากเดือน ส.ค. ที่มีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยแบบหัก SHORT SELL ออกสูงถึง 4.26 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นมาแล้ว 21%จากเดือนก่อน , 11.9% นับจากต้นปีถึงปัจจุบัน ให้เพิ่มขึ้นไปอีก รวมถึงน่าจะช่วยผลักดันให้ TURNOVER ต่อปี เดือน ส.ค. ที่ 67% ให้กลับไปยืนเหนือ 70% ได้