จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : TGE พร้อมเดินหน้าผลิตไฟฟ้าจากขยะ มั่นใจผลงานครึ่งปีหลังโดดเด่นกว่าที่ผ่านมา
28 สิงหาคม 2567
บมจ.ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ (TGE) พร้อมบุกตลาดโรงไฟฟ้าจากขยะ หลังปิดซ่อมแซมและบำรุงเครื่องจักรเสร็จเรียบร้อย ผู้บริหารมั่นใจรายได้ครึ่งปีหลังเติบโตโดดเด่นกว่าที่ผ่านมา เล็งลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนประเภทอื่นที่มีศักยภาพ
“ขยะ”ในประเทศไทย แบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ขยะอุตสาหกรรม ขยะติดเชื้อและขยะชุมชน ซึ่งขยะชุมชนนับเป็นขยะที่สร้างปัญหามากที่สุด เนื่องจากมีปริมาณมาก โดยเฉพาะในช่วงการระบาดของโควิด 19 การสั่งสินค้าออนไลน์ และอาหารออนไลน์ ทำให้เกิดการสร้างขยะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
รัฐบาลจึงได้มอบหมายให้กระทรวงพลังงาน นำขยะที่มีไปทำเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า โดยบรรจุในแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงงานทางเลือก
แนวทางการการนำขยะมาผลิตไฟฟ้า สนับสนุนการดำเนินธุรกิจของ บมจ.ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ (TGE) นายสืบตระกูล บินเทพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ระบุกลุ่มบริษัทฯมั่นใจว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 67 จะสร้างสถิติสูงสุดใหม่ตามแผนงานที่วางไว้ โดยคาดว่ารายได้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะเติบโตมากกว่าครึ่งปีแรก
ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากประสิทธิภาพของการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส รวมถึง บริษัท ท่าฉาง พาวเวอร์ กรีน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของกลุ่มบริษัท ได้มีการซ่อมแซมและบำรุงรักษาเครื่องจักรประจำปีไปแล้วในไตรมาส 2/67 โดยส่งผลให้กลุ่มบริษัทมีค่าความพร้อมของการผลิต (Availability Factor) ในช่วงครึ่งปีหลังที่สูงกว่าครึ่งปีแรกของปี 67
ล่าสุดโครงการบริหารจัดการขยะชุมชนแบบครบวงจรของเทศบาลตำบลท่าจีน อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร (โครงการ TES TCN) มีขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ และปริมาณพลังไฟฟ้าที่เสนอขาย (PPA) 8.0 เมกะวัตต์ ได้มีการเซ็นสัญญาสัมปทานโรงไฟฟ้าขยะชุมชน Waste Concession Agreement กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เรียบร้อยแล้ว และได้เซ็น PPA ในต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ระยะเวลาดำเนินโครงการ 25 ปี
โดยจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้า ทั้งรายได้จากการขายไฟฟ้า และรายได้จากการบริการกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนตามปริมาณขยะที่รับเข้ามากำจัด โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างต้นปี 68 และจะ COD ในปลายปี 69
นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทได้เริ่มทยอยดำเนินงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะชุมชนเฟส 1 จำนวน 4 โครงการ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนในพื้นที่ 1. จังหวัดสระแก้ว 2. จังหวัดชุมพร 3. จังหวัดราชบุรี และ 4. จังหวัดชัยนาท คาดพร้อมทยอยจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในปี 69 เป็นต้นไป
"บริษัทฯมีแผนนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต และรุกตลาดคาร์บอนเครดิต เพื่อตอบสนองแนวโน้มในอนาคตที่จะมีความต้องการคาร์บอนเครดิตมากขึ้น รวมถึงเดินหน้าเจรจากับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ เพื่อขยายการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนประเภทอื่นที่มีศักยภาพ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อบรรลุเป้าหมายระยะยาวที่จะเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งเป็น 200 เมกะวัตต์ ภายในปี 2575"
ส่วนผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรกปี 67 กลุ่มบริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานจำนวน 496 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.9 ล้านบาท หรือ 5.5% และมีกำไรสุทธิ 128.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.5 ล้านบาท หรือ 5.4% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน และสำหรับไตรมาส 2/67 มีรายได้จากการดำเนินงาน 237.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาท หรือ 1.1% และมีกำไรสุทธิ 63.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.3 ล้านบาท หรือ 9.0% จากไตรมาส 2/66 สร้างสถิติสูงสุดใหม่
“ขยะ”ในประเทศไทย แบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ขยะอุตสาหกรรม ขยะติดเชื้อและขยะชุมชน ซึ่งขยะชุมชนนับเป็นขยะที่สร้างปัญหามากที่สุด เนื่องจากมีปริมาณมาก โดยเฉพาะในช่วงการระบาดของโควิด 19 การสั่งสินค้าออนไลน์ และอาหารออนไลน์ ทำให้เกิดการสร้างขยะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
รัฐบาลจึงได้มอบหมายให้กระทรวงพลังงาน นำขยะที่มีไปทำเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า โดยบรรจุในแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงงานทางเลือก
แนวทางการการนำขยะมาผลิตไฟฟ้า สนับสนุนการดำเนินธุรกิจของ บมจ.ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ (TGE) นายสืบตระกูล บินเทพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ระบุกลุ่มบริษัทฯมั่นใจว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 67 จะสร้างสถิติสูงสุดใหม่ตามแผนงานที่วางไว้ โดยคาดว่ารายได้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะเติบโตมากกว่าครึ่งปีแรก
ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากประสิทธิภาพของการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส รวมถึง บริษัท ท่าฉาง พาวเวอร์ กรีน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของกลุ่มบริษัท ได้มีการซ่อมแซมและบำรุงรักษาเครื่องจักรประจำปีไปแล้วในไตรมาส 2/67 โดยส่งผลให้กลุ่มบริษัทมีค่าความพร้อมของการผลิต (Availability Factor) ในช่วงครึ่งปีหลังที่สูงกว่าครึ่งปีแรกของปี 67
ล่าสุดโครงการบริหารจัดการขยะชุมชนแบบครบวงจรของเทศบาลตำบลท่าจีน อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร (โครงการ TES TCN) มีขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ และปริมาณพลังไฟฟ้าที่เสนอขาย (PPA) 8.0 เมกะวัตต์ ได้มีการเซ็นสัญญาสัมปทานโรงไฟฟ้าขยะชุมชน Waste Concession Agreement กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เรียบร้อยแล้ว และได้เซ็น PPA ในต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ระยะเวลาดำเนินโครงการ 25 ปี
โดยจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้า ทั้งรายได้จากการขายไฟฟ้า และรายได้จากการบริการกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนตามปริมาณขยะที่รับเข้ามากำจัด โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างต้นปี 68 และจะ COD ในปลายปี 69
นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทได้เริ่มทยอยดำเนินงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะชุมชนเฟส 1 จำนวน 4 โครงการ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนในพื้นที่ 1. จังหวัดสระแก้ว 2. จังหวัดชุมพร 3. จังหวัดราชบุรี และ 4. จังหวัดชัยนาท คาดพร้อมทยอยจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในปี 69 เป็นต้นไป
"บริษัทฯมีแผนนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต และรุกตลาดคาร์บอนเครดิต เพื่อตอบสนองแนวโน้มในอนาคตที่จะมีความต้องการคาร์บอนเครดิตมากขึ้น รวมถึงเดินหน้าเจรจากับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ เพื่อขยายการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนประเภทอื่นที่มีศักยภาพ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อบรรลุเป้าหมายระยะยาวที่จะเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งเป็น 200 เมกะวัตต์ ภายในปี 2575"
ส่วนผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรกปี 67 กลุ่มบริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานจำนวน 496 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.9 ล้านบาท หรือ 5.5% และมีกำไรสุทธิ 128.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.5 ล้านบาท หรือ 5.4% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน และสำหรับไตรมาส 2/67 มีรายได้จากการดำเนินงาน 237.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาท หรือ 1.1% และมีกำไรสุทธิ 63.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.3 ล้านบาท หรือ 9.0% จากไตรมาส 2/66 สร้างสถิติสูงสุดใหม่