Talk of The Town

BCP อัดงบลงทุน 1.2 แสนล้านบาท รองรับการพัฒนา และขยายธุรกิจใหม่ ดันปี 73 อิบิทด้าทะยาน 1 แสนล้านบาท


02 กันยายน 2567
BCP ประกาศแผนการเติบโตระยะยาว ดันปี 73 EBITDA ทะยาน 100,000 ล้านบาท วางงบลงทุน ปี 2568-73 กว่า   1.2 แสนล้านบาท เพื่อรองรับการลงทุนในธุรกิจเดิม และ M&A ส่วนธุรกิจการตลาด ลุยขยายสถานีบริการเพิ่มเป็น 2,400 แห่ง พร้อมดัน BCPG เข้า SET50

BCP อัดงบลงทุน 1.2 แสนล้านบาท S2T (เว็บ)_0.jpg

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เปิดเผยว่า ในช่วงปี 2568-73 บริษัทวางงบลงทุน  1.2 แสนล้านบาท  เพื่อรองรับการลงทุนในธุรกิจเดิม และการทำ M&A ทั้งการขยายธุรกิจ E&P และพลังงานสะอาด 
โดยมุ่งเน้นการขยายธุรกิจผ่านการพัฒนา และขยายธุรกิจใหม่ๆ เช่น การพัฒนาเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์สังคมคาร์บอนต่ำ รวมถึงการเข้าสู่ธุรกิจเชื้อเพลิงที่ยั่งยืนและการใช้พลังงานใหม่ๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการนำระบบดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาปรับใช้ เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกและสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในระยะยาว
ทั้งนี้ในปี 2573 วางเป้า EBITDA ใหม่ที่ 1 แสนล้านบาท โดยธุรกิจโรงกลั่นและค้าน้ำมัน และธุรกิจต่อเนื่อง เน้นการสร้าง synergy ระหว่างโรงกลั่นพระโขนงและโรงกลั่นศรีราชา เพิ่มขึ้นเป็น 5,500 ล้านบาทต่อปี นับตั้งแต่ปี 2568 จากปี 2567 คาดที่ระดับ 5,000 ล้านบาท โดยได้ตั้งเป้าอัตราการกลั่นน้ำมัน 280,000 บาร์เรลต่อวัน ในปี 2568 จากกำลังการกลั่นติดตั้งรวม 294,000 บาร์เรลต่อวัน มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพื่อเพิ่มค่าการกลั่น (GRM)  
และ ในปี 2568 จะเปิดดำเนินการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) ด้วยกำลังผลิต 7,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่ง SAF เป็นผลิตภัณฑ์ที่มี margin สูงกว่าผลิตภัณฑ์น้ำมันอากาศยานแบบดั้งเดิมและมีแนวโน้มความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต ทำให้กลุ่มบริษัทบางจากก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดโรงกลั่นเฉพาะทาง ที่ยึดมั่นด้านนวัตกรรมและความยั่งยืน
ส่วนธุรกิจการตลาด มีแผนเพิ่มเครือข่ายสถานีบริการกว่า 2,400 แห่งภายในปี 2573 จากครึ่งปีแรกของปี 67 อยู่ที่ 2,214 แห่ง และวางเป้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็น 33% จากครึ่งปีแรกของปี 67 ยู่ที่ 28.8% โดยมุ่งเน้นที่ตลาดที่มีความต้องการสูง และในส่วนของธุรกิจตลาดพาณิชยกรรมมุ่งขยายตลาดในภูมิภาค (กัมพูชา ลาว สหภาพเมียนมาร์ และเวียดนาม) 
ขณะที่บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG ในปี 2573 ตั้งเป้าได้รับการคัดเลือกเป็นหุ้นที่เข้าคำนวณดัชนี SET50 และเป็นหนึ่งในหุ้นยั่งยืนที่ถูกคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนี DJSI โดยมีกลยุทธ์เน้นการขยายการลงทุนในพลังงานสีเขียวในประเทศที่มีธุรกิจอยู่แล้วและการทำ capital recycling เพื่อสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น พร้อมกับการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน
ด้านบริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ BBGI มุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้สินทรัพย์และขยายธุรกิจหลักไปสู่ตลาดที่มีมูลค่าสูง บีบีจีไอตั้งเป้าที่จะเป็นผู้ผลิต CDMO (Contract Development and Manufacturing Organization) รายแรกในอาเซียนในปี 2568 โดยมีแผนที่จะผลิตมากกว่า 1 ล้านลิตรต่อปีภายในปี 2571 
ขณะที่ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม หลังจากลงทุนใน OKEA ASA ในประเทศนอร์เวย์ตั้งแต่ปี 2561 โดยมีเป้าหมายการขยายกำลังการผลิต 50,000 บาร์เรลต่อวัน ภายในปี 2573 ตลอดจนมีแผนที่จะขยายธุรกิจ E&P ไปยังภูมิภาคอื่น ๆ ของโลก อาทิ เอเชียแปซิฟิก เพื่อเพิ่มความมั่นคงทางพลังงาน ซึ่งจะเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจ E&P ของกลุ่มบริษัทบางจากอย่างยั่งยืน เพื่อบรรลุเป้าหมายรวมที่ 100,000 บาร์เรลต่อวัน ภายในปี 2573
“ในปี 2567 คาดจะมียอดขายที่ระดับ 6 แสนล้านบาท พร้อมทั้งเน้นสร้าง synergy ระหว่างโรงกลั่นระดับโลก 2 แห่งคือโรงกลั่นพระโขนงและโรงกลั่นศรีราชาระหว่างโรงกลั่นพระโขนงและโรงกลั่นศรีราชา ในปี 2567 คาดที่ระดับ 5,000 ล้านบาท หลังจากนั้นคาดเพิ่มขึ้นเป็น 5,500 ล้านบาทต่อปี นับตั้งแต่ปี 2568” นายชัยวัฒน์ กล่าว
BCP