เข้าสู่เดือนสุดท้ายของไตรมาส 3/67 ซึ่งนักลงทุนก็เริ่มจับตามองเกี่ยวกับคาดการณ์ผลประกอบการของบริษัทไทยเพื่อจับจังหวะลงทุน โดยทางเราจึงได้ทำการสำรวจและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับตัวเลขกำไรสุทธิในกลุ่มดัชนี SET50 ที่จะออกมาโดดเด่นกว่ากลุ่มมานำเสนอให้แก่ผู้อ่านซึ่งมีด้วยกัน 6 บริษัท
โดยเริ่มกันที่ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ซึ่งนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด คาดการณ์กําไรจะทำจุดสูงสุดของปีได้ในไตรมาส 3/67 และมีลุ้นทําสถิติกําไรจากการดําเนินงานสูงสุดครั้งใหม่ จากจำนวนผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินที่สูงขึ้น
และยังมีการปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าขึ้น 1 บาท/เที่ยว ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค 67 ส่งผลให้รายได้รถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นทันทีประมาณ 4 แสนบาท/วัน นอกจากนี้จะได้รับเงินปันผลจาก TTW เข้ามาประมาณ 180-200 ล้านบาท เบื้องต้นประเมินจะกําไรไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ทั้งนี้ แนะนำ “Outperform” ราคาเป้าหมาย 11 บาท
ถัดมาเป็น บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) คาดแนวโน้มกำไรไตรมาส 3/67 ที่ 5,700 – 5,900 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 36% จากช่วงเดียวกัน ตามการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมที่ดีกว่ากลุ่มค้าปลีก ประกอบกับอัตรากำไรขั้นต้นของร้านเซเว่นและโลตัสส์เป็นขาขึ้น หลังสัดส่วนยอดขายสินค้ามาร์จิ้นสูงขยับขึ้น ทั้งนี้ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 84 บาท
เช่นเดียวกันกับบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ที่นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) คาดการณ์กำไรไตรมาส 3/67 ที่ 7,100 ล้านบาท โดยจะพลิกมีกำไรจากขาดทุน 1,811 ล้านบาท ด้วยไฮซีซั่นของการส่งออก ขณะเดียวกันราคาหมูเวียดนามและราคาหมูจีนปรับตัวดีต่อเนื่อง แนวโน้มต้นทุนลดลง ดังนั้น แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 31 บาท
บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) คาดการณ์กำไรไตรมาส 3/67 จะเป็นจุดสูงสุดของปี จากต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในเกาหลีใต้ ขณะที่แนวโน้มราคาก๊าซและความต้องการไฟฟ้าในสหรัฐฯเพิ่มขึ้นซึ่งจะหนุนโรงไฟฟ้าก๊าซในสหรัฐฯ และไฮซีซั่นของโรงไฟฟ้าในลาว นอกจากนี้ เงินบาทแข็งค่ามากก็จะช่วยให้มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 150 บาท
ถัดมาบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ซึ่งนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดการณ์กำไรไตรมาส 3/67 จะเป็นจุดสูงสุดของปี ได้รับแรงหนุนจากช่วงฤดูกาลที่ดีของ โรงไฟฟ้าไซยะบุรี แม้ว่ากำไรของ SPP และ IPP จะลดลง แต่อย่างไรก็ดียังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 51 บาท
และสุดท้าย บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดการณ์กำไรไตรมาส 3/67 มีโอกาสทำระดับสูงสุดใหม่ที่ 2,300-2,500 ล้านบาท จากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรโรงไฟฟ้า Paiton หน่วยที่ 3, 7 และ 8 เต็มไตรมาสเป็นครั้งแรกและคาดส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าหงสาจะยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง ดังนั้น แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 34 บาท
โดยเริ่มกันที่ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ซึ่งนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด คาดการณ์กําไรจะทำจุดสูงสุดของปีได้ในไตรมาส 3/67 และมีลุ้นทําสถิติกําไรจากการดําเนินงานสูงสุดครั้งใหม่ จากจำนวนผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินที่สูงขึ้น
และยังมีการปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าขึ้น 1 บาท/เที่ยว ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค 67 ส่งผลให้รายได้รถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นทันทีประมาณ 4 แสนบาท/วัน นอกจากนี้จะได้รับเงินปันผลจาก TTW เข้ามาประมาณ 180-200 ล้านบาท เบื้องต้นประเมินจะกําไรไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ทั้งนี้ แนะนำ “Outperform” ราคาเป้าหมาย 11 บาท
ถัดมาเป็น บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) คาดแนวโน้มกำไรไตรมาส 3/67 ที่ 5,700 – 5,900 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 36% จากช่วงเดียวกัน ตามการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมที่ดีกว่ากลุ่มค้าปลีก ประกอบกับอัตรากำไรขั้นต้นของร้านเซเว่นและโลตัสส์เป็นขาขึ้น หลังสัดส่วนยอดขายสินค้ามาร์จิ้นสูงขยับขึ้น ทั้งนี้ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 84 บาท
เช่นเดียวกันกับบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ที่นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) คาดการณ์กำไรไตรมาส 3/67 ที่ 7,100 ล้านบาท โดยจะพลิกมีกำไรจากขาดทุน 1,811 ล้านบาท ด้วยไฮซีซั่นของการส่งออก ขณะเดียวกันราคาหมูเวียดนามและราคาหมูจีนปรับตัวดีต่อเนื่อง แนวโน้มต้นทุนลดลง ดังนั้น แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 31 บาท
บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) คาดการณ์กำไรไตรมาส 3/67 จะเป็นจุดสูงสุดของปี จากต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในเกาหลีใต้ ขณะที่แนวโน้มราคาก๊าซและความต้องการไฟฟ้าในสหรัฐฯเพิ่มขึ้นซึ่งจะหนุนโรงไฟฟ้าก๊าซในสหรัฐฯ และไฮซีซั่นของโรงไฟฟ้าในลาว นอกจากนี้ เงินบาทแข็งค่ามากก็จะช่วยให้มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 150 บาท
ถัดมาบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ซึ่งนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดการณ์กำไรไตรมาส 3/67 จะเป็นจุดสูงสุดของปี ได้รับแรงหนุนจากช่วงฤดูกาลที่ดีของ โรงไฟฟ้าไซยะบุรี แม้ว่ากำไรของ SPP และ IPP จะลดลง แต่อย่างไรก็ดียังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 51 บาท
และสุดท้าย บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดการณ์กำไรไตรมาส 3/67 มีโอกาสทำระดับสูงสุดใหม่ที่ 2,300-2,500 ล้านบาท จากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรโรงไฟฟ้า Paiton หน่วยที่ 3, 7 และ 8 เต็มไตรมาสเป็นครั้งแรกและคาดส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าหงสาจะยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง ดังนั้น แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 34 บาท