กระดานข่าว

สาวๆ ควรรู้! กิน ฉีด ฝัง วิธีคุมกำเนิดแบบไหนดี? แนะนำวิธีการใช้ยาคุมกำเนิด


03 กันยายน 2567
1-8.jpg

วิธีคุมกำเนิดแบบไหน ที่เหมาะกับเรา และแบบไหนดีที่เหมาะสำหรับสาว ๆ ? วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับวิธีคุมกำเนิดแบบต่าง ๆ ซึ่งแต่ละแบบก็มีทั้งข้อดี และข้อเสียแตกต่างกันไป

วิธีคุมกำเนิดคืออะไร

การคุมกำเนิด หรือ Contraception คือ การป้องกันการตั้งครรภ์ เป็นกลไกที่ทำให้เชื้อสเปิร์มหรืออสุจิของเพศชาย ไม่สามารถเข้าไปผสมกับไข่ ของเพศหญิงได้ ซึ่งวิธีคุมกำเนิดก็มีหลายรูปแบบ เช่น การกินยาคุมกำเนิด ฉีดยาคุมกำเนิด และฝังคุมกำเนิด เป็นต้น

วิธีคุมกำเนิดแบบไหนดี? ประเภทของการคุมกำเนิดมีอะไรบ้าง

Talk-to-Peach_Infographic-Jan-no.1-1229x1536.jpg


1. กินยาคุมกำเนิด คือ การรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด ซึ่งมีส่วนประกอบของฮอร์โมน เอสโตรเจนและโปรเจสติน ซึ่งจะช่วยยับยั้งการตกไข่และทำให้อสุจิเคลื่อนที่ยากขึ้น หลัก ๆ แล้วในหนึ่งแผงจะมี 28 เม็ด ซึ่ง 7 เม็ดสุดท้ายจะเป็นแป้งหรือวิตามินเพื่อให้เรากินกันลืมการกินยาในครั้งถัดไป

2. ฉีดยาคุมกำเนิด คือ การ​ฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อของผู้หญิง เพื่อขับฮอร์โมนให้คุมกำเนิด แต่เป็นการคุมกำเนิดแบบชั่วคราวเท่านั้น

3. การฝังยาคุมกำเนิด คือ การคุมกำเนิดแบบชั่วคราวเช่นกัน เป็นอีกวิธีที่เริ่มเป็นที่นิยมในหมู่สาว ๆ โดยวิธีการจะนำหลอดบรรจุฮอร์โมนเข้าไปฝังบริเวณใต้ท้องแขน สามารถคุมกำเนิดได้นานถึง 3-5 ปี เป็นอีกวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์สูง

นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งวิธีคุมกำเนิด นั่นคือ การใช้แผ่นแปะคุมกำเนิด สำหรับวิธีนี้นับว่าเป็นวิธีที่ง่าย สะดวก และสามารถคุมกำเนิดมีประสิทธิภาพสูงถึง 99% หากใช้อย่างถูกวิธี

สำหรับวิธีใช้สามารถทำได้โดยแปะลงบนผิวหนัง บริเวณท้อง สะโพก ก้น หลัง และต้นแขน โดนต้องเปลี่ยนตำแหน่งทุกครั้งเมื่อเปลี่ยนแผ่นยาคุม

สำหรับการคุมกำเนิดแบบนี้ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ และผู้ที่เหมาะจะใช้การคุมกำเนิดด้วยวิธีนี้ ต้องเป็นเพศกำเนิดหญิง อายุ 18-45 ปีและมีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ต่ำกว่า 30 เนื่องจากประสิทธิภาพอาจลดลงได้หากมีน้ำหนักเกินเกณฑ์

ทั้งนี้แนะนำว่าผู้ที่ไม่แน่ใจว่าสามารถใช้แผ่นแปะคุมกำเนิดได้หรือไม่ หรือมีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มใช้แผ่นแปะคุมกำเนิดทุกครั้ง

ข้อดี ข้อเสียการคุมกำเนิดแบบต่าง ๆ

หลังจากที่เราไปทำความรู้จักกับการคุมกำเนิดแบบต่าง ๆ กันแล้ว เรามาดูกันต่อว่า การคุมกำเนิดแต่ละแบบมีข้อดี และข้อเสียอะไรบ้าง เพื่อไปประกอบการตัดสินใจให้กับสาว ๆ ที่กำลังจะหาวิธีคุมกำเนิดให้เหมาะสมกับตนเองกัน

1. กินยาคุมกำเนิด 

ข้อดี: ง่าย และสะดวก ช่วยบรรเทาอาการปวดของประจำเดือนได้ดีด้วย เหมาะกับคนที่ไม่ชอบวิธีคุมกำเนิดรูปแบบอื่น ๆ ที่ต้องฝัง หรือฉีดเข้าสู่ร่างกาย

ข้อเสีย: ต้องทานเป็นประจำทุกวัน และอาจเกิดผลข้างเคียงกับคนบางกลุ่ม เช่น อาการปวดศีรษะ อารมณ์แปรปรวน น้ำหนักขึ้น เป็นต้น

2. ฉีดยาคุมกำเนิด

ข้อดี: ขั้นตอนง่าย ทำได้รวดเร็ว แค่ไปฉีดตามครบกำหนดที่แพทย์นัดไว้ ช่วยคุมกำเนิดได้นาน แม้จะเป็นการคุมกำเนิดชั่วคราว 

ข้อเสีย: อาจมีอาการอื่น ๆ แทรกซ้อน เช่น ประจำเดือนมาไม่ปกติ คลื่นไส้ ปวดท้อง และปวดศีรษะ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายแต่ละบุคคลด้วย

3. การฝังยาคุมกำเนิด

ข้อดี: เป็นวิธีการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพดี สามารถคุมกำเนิดได้นานถึง 3-5 ปี และถอดออกได้ตามต้องการ 

ข้อเสีย: ต้องฝังยาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสถานพยาบาลเท่านั้น และมีผลข้างเคียง เช่น ปวดศีรษะ เจ็บหน้าอก หรือน้ำหนักขึ้น

ทางเรามีข้อแนะนำให้ทุกคนที่กำลังคิดจะคุมกำเนิดควรปฏิบัติตัวตามนี้ เพื่อให้การคุมกำเนิดเปิดผลดีที่สุด เช่น งดสูบบุหรี่ เพราะช่วยลดการเกิดโรคลิ่มเลือดอุดตันในหลอดลม

เนื่องจากยาคุมกำเนิดส่วนใหญ่มักมีสารหรือฮอร์โมนที่จะเพิ่มปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน นอกจากนี้ควรออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง

ประโยชน์ของการคุมกำเนิด

- ช่วยให้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ เนื่องจากยาคุมมีส่วนกระตุ้นฮอร์โมน ทำให้ประจำเดือนมาเป็นประจำ และยังช่วยลดปริมาณประจำเดือนที่มามากเป็นปกติ
- ช่วยเรื่องผิวพรรณ ช่วยลดผิวมัน ลดสิว ได้ในอีกทาง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนรับประทานยาคุมกำเนิด
- ช่วยลดอัตราการตั้งครรภ์ภายนอกมดลูก ซึ่งเพศหญิงสามารถเกิดเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้ได้ หากไม่ได้คุมกำเนิดอย่างถูกวิธี
- ช่วยลดอัตราการเกิดโรคมะเร็งบางชนิด เช่น โรคมะเร็งรังไข่ มะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นต้น

ที่มา : https://talktopeach.com/blog/birth-control-options