จับประเด็นหุ้นเด่น
สัมภาษณ์พิเศษ : SUPER จับมือผนึกพันธมิตรลุยพลังงานสะอาด ดันรายได้ปีนี้แตะ 1.1-1.2 หมื่นล้านบาท
04 กันยายน 2567
ภายใต้กระแสการลดภาวะโลกร้อน และการสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด บมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น (SUPER) ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานทดแทนจะมีแนวทางการทำธุรกิจและมีบทบาทอย่างไรในอุตสาหกรรมนี้ เราไปติดตามการสัมภาษณ์นี้กับ “คุณจอมทรัพย์ โลจายะ" CEO ของบริษัทกัน
ผลงานครึ่งแรกปี 67
ครึ่งปีแรกรายได้ของเราอยู่ที่ประมาณ 5,100 ล้านบาท เป็นกำไรจากการดำเนินงานของบริษัท EBITDA อยู่ที่ 86% การขาดทุนทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้บริษัทมีผลขาดทุน
แนวทางครึ่งหลังปี 67
กระแสเงินสดบริษัทยังค่อนข้างแข็งแกร่งมาก EBITDA และจากการที่ทำดิว ดึงพันธมิตร Actis เข้ามาลงทุนใน บริษัท ทานตะวัน โซล่าร์ จำกัด (SUNFLOWER) ทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดเข้ามาอีก เกือบ 4,900 ล้านบาท และเดือนก.ย. จะใช้เงินส่วนนี้ตัดหนี้บางส่วนประมาณ 3,300 ล้านบาท ทำให้ประหยัดค่าดอกเบี้ยลงได้ และเงินสดที่เหลือจะนำไปใช้โครงการที่บริษัทเข้าประมูลได้ซึ่งมีจำนวน 360 MW ที่ต้องสร้างในช่วง 3 ปีข้างหน้า
ทิศทางการเติบโตของรายได้ปีนี้
ปีนี้เราวางไว้ที่ 11,000-12,000 ล้านบาท เติบโตปีละ 10% ต่อเนื่อง 3 ปีข้างหน้า ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีโครงการ PPA แล้วและอยู่ระหว่างการลงนามใน PPA ที่ต้องสร้างในด้านพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งหมดประมาณ 600 MW ด้านพลังงานลมต้องสร้างประมาณ 85 MW ซึ่งเป็นโครงการในประเทศไทยจะเสริมกระแสเงินสดของบริษัทให้เติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง
วางเป้าหมายการผลิตไฟฟ้าในปี 67
หลักๆรายได้ของSUPER มาจาก 2 ประเทศ โดยประเทศไทยยังเป็นหลัก และประเทศเวียดนาม รายได้พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม โดยในประเทศไทยรายได้ 60% มาจากพลังงานแสงอาทิตย์ และเวียดนาม 40% และช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า บริษัทจะCOD พลังงานลมในเวียดนาม 141 MW ทำให้สัดส่วนรายได้ในเวียดนานเพิ่มขึ้นประมาณ 10% แต่ปี 2569-2570 พลังงานที่จะสร้างจะเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยและพลังงานลมอีก 85 MW ดังนั้นสัดส่วนรายได้จากประเทศไทย ภายใน 3 ปีจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 75% และรายได้จากเวียดนามอยู่ที่ 25%
เน้นขยายการผลิตพลังงานในประเทศ
เพราะเราเป็นบริษัทของคนไทย และนโยบายของรัฐบาลที่ขยายการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดอย่างต่อเนื่อง เพราะมีนักลงทุนจากต่างประเทศ หรือ FDI เข้ามาและมีความต้องการใช้พลังงานสะอาด ทำให้รัฐบาลเปิดประมูลการขายไฟอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2566 ที่ผ่านมาและต่อเนื่องอีกอย่างน้อยในปีนี้และปีหน้า ดังนั้นการเติบโตในประเทศไทยยังมีค่อนข้างมาก ส่วนในประเทศเวียดนามเชื่อว่าปี2567 แผนPDP8 น่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น ทำให้เห็นเรื่องสัมปทานเพิ่มเติมขึ้นอีก ซึ่งเราต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
แนวทางการร่วมมือกับพันธมิตร
นับเป็นแผนหลักของเราในการบริหารจัดการ ซึ่งทำมาตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว ที่เราเป็นพันธมิตรกับ AC ENERGY VIETNAM INVESTMENTS PTE. LTD. (ACEV) บริษัทชั้นนำธุรกิจพลังงานทดแทนของประเทศฟิลิปปินส์ เข้าไปทำโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ในประเทศเวียดนาม โดยSUPER ถือหุ้น 51% ต่อมาเมื่อต้นปีได้เป็นพันธมิตรกับกลุ่ม Actis กองทุนจากประเทศอังกฤษ เข้ามาลงทุนใน บริษัท ทานตะวัน โซล่าร์ จำกัด (SUNFLOWER) โดย กลุ่ม Actis ถือหุ้น 90% และSUPER ถือ 10% และยังทำหน้าที่เป็นผู้บริหารจัดการเรื่องบัญชีและการเงินให้ เราได้กระแสเงินสดเข้ามา 4,800 ล้านบาท ซึ่งเงินบางส่วนนำไปตัดหนี้ 3,300 ล้านบาท
เรื่องของพันธมิตรเรายังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เช่น ส่วนของโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ เราได้ดึงพันธมิตรเข้ามาร่วมแล้วในโครงการนนทบุรี เป็นพันธมิตรจากประเทศจีน และเรากำลังพันธมิตรในโรงไฟฟ้าพลังงานขยะเข้ามาอีก 2-3 ราย
สำหรับการดึงพันธมิตรเข้ามา จะทำให้บริษัทมี Know How เข้ามาด้วยทำให้การทำงานทำได้ดีขึ้น และยังได้รับในเรื่องของกระแสเงินสดเข้ามาสนับ
สนุน ทำให้เรามีกำไรพิเศษ
ส่วนพลังงานลมกำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรที่จะเข้ามาร่วมจำนวน 50MW และยังมีอีก 140 MW และพลังงานน้ำก็มีคนสนใจเข้ามาร่วมลงทุนกันบริษัท ขยายธุรกิจในเรื่องของบ่อน้ำ และการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ EEC เพราะตอนนี้ เงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาเยอะมาก ในอุตสาหกรรมต่างๆ เนื่องจากฐานการผลิตกำลังถูกย้ายมาจากไต้หวัน จากจีน ทำให้เรามองว่าน้ำจะขาดแคลนอย่างมากในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า
สรุปภาพรวมในด้านธุรกิจ
ภาพรวมของ SUPER จะมีพันธมิตรเข้ามาในแต่ละส่วนธุรกิจ ทั้งแสงอาทิตย์ ลม ขยะ และน้ำ ซึ่งตามแผนแล้วจะดึงพันธมิตรเข้ามาช่วยให้ความรู้และกระแสเงินสด เพื่อลงทุนได้ต่อเนื่อง
แผนการออกหุ้นกู้
เดือนต.ค. เราจะระดมทุนผ่านหุ้นกู้จำนวน 800 ล้านบาท เพื่อเอาไปชำระคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดจำนวน 1,500 ล้านบาท ซึ่งอีก 700 ล้านบาท จะนำมาจากกระแสเงินสดของบริษัท
การเปลี่ยนผ่านรัฐบาลโครงการโรงไฟฟ้าไม่กระทบ
คิดว่าพลังงานสะอาดไม่น่าจะเกี่ยวกับรัฐบาล เพราะไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหนก็ต้องสนับสนุน เพราะประเทศไทยต้องการนักลงทุนในอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งสิ่งที่นักลงทุนต้องการคือเรื่องของพลังงานสะอาดที่ต้องมีเพียงพอกับความต้องการใช้ ดังนั้นเชื่อว่าทุกรัฐบาลต้องสนับสนุน
นโยบาย Direct PPA เป็นก้าวแรกที่ดี
เป็นก้าวแรกที่ดีที่ทำให้เอกชนสามารถซื้อ-ขายไฟฟ้าระหว่างกันได้มากขึ้น และอนาตคต้องดูความต้องการของการใช้ไฟฟ้า ซึ่งมีกระแสข่าวว่ารัฐบาลจะเปิดประมูลไฟฟ้าพลังงานสะอาดอีก 3,600 MW ในช่วงปลายปีนี้
ผลงานครึ่งแรกปี 67
ครึ่งปีแรกรายได้ของเราอยู่ที่ประมาณ 5,100 ล้านบาท เป็นกำไรจากการดำเนินงานของบริษัท EBITDA อยู่ที่ 86% การขาดทุนทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้บริษัทมีผลขาดทุน
แนวทางครึ่งหลังปี 67
กระแสเงินสดบริษัทยังค่อนข้างแข็งแกร่งมาก EBITDA และจากการที่ทำดิว ดึงพันธมิตร Actis เข้ามาลงทุนใน บริษัท ทานตะวัน โซล่าร์ จำกัด (SUNFLOWER) ทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดเข้ามาอีก เกือบ 4,900 ล้านบาท และเดือนก.ย. จะใช้เงินส่วนนี้ตัดหนี้บางส่วนประมาณ 3,300 ล้านบาท ทำให้ประหยัดค่าดอกเบี้ยลงได้ และเงินสดที่เหลือจะนำไปใช้โครงการที่บริษัทเข้าประมูลได้ซึ่งมีจำนวน 360 MW ที่ต้องสร้างในช่วง 3 ปีข้างหน้า
ทิศทางการเติบโตของรายได้ปีนี้
ปีนี้เราวางไว้ที่ 11,000-12,000 ล้านบาท เติบโตปีละ 10% ต่อเนื่อง 3 ปีข้างหน้า ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีโครงการ PPA แล้วและอยู่ระหว่างการลงนามใน PPA ที่ต้องสร้างในด้านพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งหมดประมาณ 600 MW ด้านพลังงานลมต้องสร้างประมาณ 85 MW ซึ่งเป็นโครงการในประเทศไทยจะเสริมกระแสเงินสดของบริษัทให้เติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง
วางเป้าหมายการผลิตไฟฟ้าในปี 67
หลักๆรายได้ของSUPER มาจาก 2 ประเทศ โดยประเทศไทยยังเป็นหลัก และประเทศเวียดนาม รายได้พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม โดยในประเทศไทยรายได้ 60% มาจากพลังงานแสงอาทิตย์ และเวียดนาม 40% และช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า บริษัทจะCOD พลังงานลมในเวียดนาม 141 MW ทำให้สัดส่วนรายได้ในเวียดนานเพิ่มขึ้นประมาณ 10% แต่ปี 2569-2570 พลังงานที่จะสร้างจะเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยและพลังงานลมอีก 85 MW ดังนั้นสัดส่วนรายได้จากประเทศไทย ภายใน 3 ปีจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 75% และรายได้จากเวียดนามอยู่ที่ 25%
เน้นขยายการผลิตพลังงานในประเทศ
เพราะเราเป็นบริษัทของคนไทย และนโยบายของรัฐบาลที่ขยายการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดอย่างต่อเนื่อง เพราะมีนักลงทุนจากต่างประเทศ หรือ FDI เข้ามาและมีความต้องการใช้พลังงานสะอาด ทำให้รัฐบาลเปิดประมูลการขายไฟอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2566 ที่ผ่านมาและต่อเนื่องอีกอย่างน้อยในปีนี้และปีหน้า ดังนั้นการเติบโตในประเทศไทยยังมีค่อนข้างมาก ส่วนในประเทศเวียดนามเชื่อว่าปี2567 แผนPDP8 น่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น ทำให้เห็นเรื่องสัมปทานเพิ่มเติมขึ้นอีก ซึ่งเราต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
แนวทางการร่วมมือกับพันธมิตร
นับเป็นแผนหลักของเราในการบริหารจัดการ ซึ่งทำมาตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว ที่เราเป็นพันธมิตรกับ AC ENERGY VIETNAM INVESTMENTS PTE. LTD. (ACEV) บริษัทชั้นนำธุรกิจพลังงานทดแทนของประเทศฟิลิปปินส์ เข้าไปทำโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ในประเทศเวียดนาม โดยSUPER ถือหุ้น 51% ต่อมาเมื่อต้นปีได้เป็นพันธมิตรกับกลุ่ม Actis กองทุนจากประเทศอังกฤษ เข้ามาลงทุนใน บริษัท ทานตะวัน โซล่าร์ จำกัด (SUNFLOWER) โดย กลุ่ม Actis ถือหุ้น 90% และSUPER ถือ 10% และยังทำหน้าที่เป็นผู้บริหารจัดการเรื่องบัญชีและการเงินให้ เราได้กระแสเงินสดเข้ามา 4,800 ล้านบาท ซึ่งเงินบางส่วนนำไปตัดหนี้ 3,300 ล้านบาท
เรื่องของพันธมิตรเรายังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เช่น ส่วนของโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ เราได้ดึงพันธมิตรเข้ามาร่วมแล้วในโครงการนนทบุรี เป็นพันธมิตรจากประเทศจีน และเรากำลังพันธมิตรในโรงไฟฟ้าพลังงานขยะเข้ามาอีก 2-3 ราย
สำหรับการดึงพันธมิตรเข้ามา จะทำให้บริษัทมี Know How เข้ามาด้วยทำให้การทำงานทำได้ดีขึ้น และยังได้รับในเรื่องของกระแสเงินสดเข้ามาสนับ
สนุน ทำให้เรามีกำไรพิเศษ
ส่วนพลังงานลมกำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรที่จะเข้ามาร่วมจำนวน 50MW และยังมีอีก 140 MW และพลังงานน้ำก็มีคนสนใจเข้ามาร่วมลงทุนกันบริษัท ขยายธุรกิจในเรื่องของบ่อน้ำ และการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ EEC เพราะตอนนี้ เงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาเยอะมาก ในอุตสาหกรรมต่างๆ เนื่องจากฐานการผลิตกำลังถูกย้ายมาจากไต้หวัน จากจีน ทำให้เรามองว่าน้ำจะขาดแคลนอย่างมากในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า
สรุปภาพรวมในด้านธุรกิจ
ภาพรวมของ SUPER จะมีพันธมิตรเข้ามาในแต่ละส่วนธุรกิจ ทั้งแสงอาทิตย์ ลม ขยะ และน้ำ ซึ่งตามแผนแล้วจะดึงพันธมิตรเข้ามาช่วยให้ความรู้และกระแสเงินสด เพื่อลงทุนได้ต่อเนื่อง
แผนการออกหุ้นกู้
เดือนต.ค. เราจะระดมทุนผ่านหุ้นกู้จำนวน 800 ล้านบาท เพื่อเอาไปชำระคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดจำนวน 1,500 ล้านบาท ซึ่งอีก 700 ล้านบาท จะนำมาจากกระแสเงินสดของบริษัท
การเปลี่ยนผ่านรัฐบาลโครงการโรงไฟฟ้าไม่กระทบ
คิดว่าพลังงานสะอาดไม่น่าจะเกี่ยวกับรัฐบาล เพราะไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหนก็ต้องสนับสนุน เพราะประเทศไทยต้องการนักลงทุนในอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งสิ่งที่นักลงทุนต้องการคือเรื่องของพลังงานสะอาดที่ต้องมีเพียงพอกับความต้องการใช้ ดังนั้นเชื่อว่าทุกรัฐบาลต้องสนับสนุน
นโยบาย Direct PPA เป็นก้าวแรกที่ดี
เป็นก้าวแรกที่ดีที่ทำให้เอกชนสามารถซื้อ-ขายไฟฟ้าระหว่างกันได้มากขึ้น และอนาตคต้องดูความต้องการของการใช้ไฟฟ้า ซึ่งมีกระแสข่าวว่ารัฐบาลจะเปิดประมูลไฟฟ้าพลังงานสะอาดอีก 3,600 MW ในช่วงปลายปีนี้