Talk of The Town
หุ้นกลุ่มรับเหมา รับแรงกระแทก! ก.แรงงานเดินหน้า ขึ้นค่าแรง 1 ต.ค.นี้ โบรกฯชี้ STEC อาจโดนฉุดกำไรถึง 20%
05 กันยายน 2567
นโยบายปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ เป็นนโยบายของภาครัฐที่ประชาชนจับตาและติดตามความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงชุดคณะรัฐมนตรี(ครม.)มาถึงชุดที่ 2 โดยล่าสุดวานนี้ (4 ก.ย.) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ก็ได้ออกมาเปิดเผยความคืบหน้าดังกล่าวยังคงเป็นไปตามนโยบาย
โดยในเดือนกันยายนจะมีการประชุมคณะกรรมการไตรภาคีอีก 2 ครั้งก่อนจะประกาศตัวเลขอัตราค่าจ้างใหม่ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ต.ค. นี้ เป็นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่ 400 บาท ที่จะประกาศใช้พร้อมกันทั้งประเทศ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นข่าวดีต่อกำลังซื้อ แต่สำหรับบริษัทจดทะเบียนจะเป็นเช่นไรนั้นไปรับชมกันได้
สำหรับนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เรามองเป็นลบต่อกลุ่ม labor intensive โดยเฉพาะกลุ่มรับเหมา โดยหากค่าแรงขั้นต่ำปรับขึ้นเป็น 400 บาท จะส่งผลให้อัตราค่าแรงสูงกว่าค่าเฉลี่ยปัจจุบันราว 14% จึงประเมินกรณี worst case หากต้นทุนค่าแรงโดยรวมที่เพิ่มขึ้นทุก 10-14% จะกดดันกำไร STEC มากสุดราว 20% ขณะที่ CK, PYLON, และ SEAFCO กระทบราว 10-12%
แต่อย่างไรก็ตาม มองว่าผลกระทบมีโอกาสน้อยกว่าคาด เนื่องจากผู้ประกอบการรับเหมากลุ่มนี้ส่วนใหญ่มีการจ่ายค่าแรงสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำทั่วไปอยู่แล้ว ขณะที่ตลาดช่วงที่ผ่านมาค่อนข้าง priced in ปัจจัยดังกล่าวไปบ้างแล้ว สำหรับกลุ่มรับเหมาก่อสร้างยังคงน้ำหนัก “Neutral” และ Top pick ได้แก่ CK (แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 29 บาท)
นอกจากนี้ มองว่าจะกระทบกลุ่มการเกษตรและอาหาร เช่นกัน เบื้องต้นประเมินกรณี worst case หากต้นทุนค่าแรงโดยรวมที่เพิ่มขึ้นทุก 10-14% จะกระทบกำไรกลุ่ม AAI, ITC, GFPT, NER, และ TU ใกล้เคียงกันราว -5-10% อย่างไรก็ตามผลกระทบดังกล่าวจะถูกชดเชยบางส่วนจากการปรับราคาขายขึ้น รวมถึงบริษัทส่วนใหญ่มีการทยอยลงทุนระบบ automation มากขึ้น ทำให้ผลกระทบอาจน้อยกว่าที่ประเมิน
โดยในเดือนกันยายนจะมีการประชุมคณะกรรมการไตรภาคีอีก 2 ครั้งก่อนจะประกาศตัวเลขอัตราค่าจ้างใหม่ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ต.ค. นี้ เป็นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่ 400 บาท ที่จะประกาศใช้พร้อมกันทั้งประเทศ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นข่าวดีต่อกำลังซื้อ แต่สำหรับบริษัทจดทะเบียนจะเป็นเช่นไรนั้นไปรับชมกันได้
สำหรับนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เรามองเป็นลบต่อกลุ่ม labor intensive โดยเฉพาะกลุ่มรับเหมา โดยหากค่าแรงขั้นต่ำปรับขึ้นเป็น 400 บาท จะส่งผลให้อัตราค่าแรงสูงกว่าค่าเฉลี่ยปัจจุบันราว 14% จึงประเมินกรณี worst case หากต้นทุนค่าแรงโดยรวมที่เพิ่มขึ้นทุก 10-14% จะกดดันกำไร STEC มากสุดราว 20% ขณะที่ CK, PYLON, และ SEAFCO กระทบราว 10-12%
แต่อย่างไรก็ตาม มองว่าผลกระทบมีโอกาสน้อยกว่าคาด เนื่องจากผู้ประกอบการรับเหมากลุ่มนี้ส่วนใหญ่มีการจ่ายค่าแรงสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำทั่วไปอยู่แล้ว ขณะที่ตลาดช่วงที่ผ่านมาค่อนข้าง priced in ปัจจัยดังกล่าวไปบ้างแล้ว สำหรับกลุ่มรับเหมาก่อสร้างยังคงน้ำหนัก “Neutral” และ Top pick ได้แก่ CK (แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 29 บาท)
นอกจากนี้ มองว่าจะกระทบกลุ่มการเกษตรและอาหาร เช่นกัน เบื้องต้นประเมินกรณี worst case หากต้นทุนค่าแรงโดยรวมที่เพิ่มขึ้นทุก 10-14% จะกระทบกำไรกลุ่ม AAI, ITC, GFPT, NER, และ TU ใกล้เคียงกันราว -5-10% อย่างไรก็ตามผลกระทบดังกล่าวจะถูกชดเชยบางส่วนจากการปรับราคาขายขึ้น รวมถึงบริษัทส่วนใหญ่มีการทยอยลงทุนระบบ automation มากขึ้น ทำให้ผลกระทบอาจน้อยกว่าที่ประเมิน