หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ถือเป็นกลุ่มที่ผลการดำเนินงานมีการเติบโตอยู่อย่างต่อเนื่อง จึงมีนักลงทุนไม่น้อยที่คอยเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของกุล่มดังกล่าว ดังนั้นในวันนี้ทาง Share2Trade จึงนำข้อมูลอย่างคาดการณ์ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/67 และกลยุทธ์การลงทุนมาฝากผู้อ่านกันในครั้งนี้
โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ให้มุมมองถึงแนวโน้มกําไรของกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในไตรมาส 3/67 แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น 6.9% จากต้นไตรมาสเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ
แต่จะได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งสําหรับผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI ซึ่งรวมถึงสมาร์ทโฟน AI และพีซี AI เครื่องใหม่ ผลักดันให้ยอดขายเติบโต โดยคาดการณ์กำไรทั้งกลุ่มจะอยู่ที่ 7,017 ล้านบาท เติบโตจากไตรมาสก่อนหน้า 5.6% และเติบโตจากช่วงเดียวกัน 13.2%
สำหรับคาดการณ์กำไรสุทธิหุ้นรายตัว DELTA จะอยู่ที่ 5,944 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกัน 17.8% และเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า 5.5% โดยได้รับการสนับสนุนจากอุปสงค์ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่แข็งแกร่งขึ้น และยอดขาย EV power จะกลับมามีโมเมนตัมการเติบโตที่แข็งแกร่งในช่วงครึ่งปีหลังปี 67 หนุนให้การส่งออกหม้อแปลงไฟฟ้าฟื้นตัว
แต่อย่างไรก็ดี ปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายบนPE ที่ 61.9 เท่า ซึ่งใกล้เคียงกับ PE เฉลี่ย 5 ปี และบริษัทอาจได้รับผลกระทบ จากมาตรการ GloBE ที่จะจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลขั้นตํ่า 15% จากบริษัทข้ามชาติ เริ่มใช้ในปี 2568 ดังนั้น จึงคงคําแนะนํา “NEUTRAL” สําหรับ DELTA โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 109 บาท
ถัดมา KCE คาดว่ากําไรสุทธิไตรมาส 3/67 จะอยู่ที่ 557 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 18.1% และเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 5% ตามคําสั่งซื้อผลิตภัณฑ์มาร์จิ้นสูงที่เข้ามาจำนวนมากและมาตรการลดต้นทุน แต่อย่างไรก็ดี ด้วยราคาทองแดงที่สูงและเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น จะส่งผลให้อัตรากําไรขั้นต้นลดลง
ทั้งนี้ ด้วยมูลค่าหุ้น KCE ในปัจจุบันยังอยู่ในจุดน่าสนใจ โดยปัจจุบันซื้อขายบน PE เพียง 19.8 เท่า ต่ำกว่า PE เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่ 32.1 เท่า จึงแนะนำ “OUTPERFORM” ราคาเป้าหมายที่ 55 บาท
ตามด้วย HANA คาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 3/67 จะอยู่ที่ 516 ล้านบาท แต่ลดลง 23.9% จากช่วงเดียวกัน จากธุรกิจ IC ที่อ่อนแอลงส่งผลกระทบต่อกําไร แต่จะปรับตัวดีขึ้น 7% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยได้รับการสนับสนุนจากผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสมาร์ทโฟนและ RFID จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตในครึ่งปีหลังปี 67
แต่อย่างไรก็ดี HANA ได้เตรียมแผนการเติบโตด้วยการขยายกําลังการผลิตซิลิคอนคาร์ไบด์ (SiC) ที่กําลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ โดยการขยายกําลังการผลิตจะช่วยผลักดันธุรกิจ SiC ให้ถึงจุดคุ้มทุนในปี 2568 จึงแนะนํา “OUTPERFORM” ราคาเป้าหมาย 56 บาท
สุดท้าย CCET นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้ปรับเพิ่มประมาณการกําไรสุทธิทั้งปี 2567 ขึ้น 11% เป็น 2,632 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 135.9% หลังเพิ่มสัดส่วนยอดขายสินค้าใหม่ที่มีอัตรากําไรสูงขึ้น ส่งผลให้ครึ่งปีหลังปี 67 อัตรากำไรขั้นต้นทรงตัวอยู่ที่ระดับ 5.5%
ขณะเดียวกันจะได้รับประโยชน์จากการเร่งการย้ายฐานการผลิตมาไทยและประเทศอื่นๆ และธุรกิจ EV charger ที่เป็นสินค้าได้รับประโยชน์จากมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่าง สหรัฐฯ-จีน ดังนั้น จึงแนะนํา "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 5.10 บาท เพื่อรับการเติบโตของกําไรปี 2567 -2568 ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ให้มุมมองถึงแนวโน้มกําไรของกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในไตรมาส 3/67 แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น 6.9% จากต้นไตรมาสเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ
แต่จะได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งสําหรับผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI ซึ่งรวมถึงสมาร์ทโฟน AI และพีซี AI เครื่องใหม่ ผลักดันให้ยอดขายเติบโต โดยคาดการณ์กำไรทั้งกลุ่มจะอยู่ที่ 7,017 ล้านบาท เติบโตจากไตรมาสก่อนหน้า 5.6% และเติบโตจากช่วงเดียวกัน 13.2%
สำหรับคาดการณ์กำไรสุทธิหุ้นรายตัว DELTA จะอยู่ที่ 5,944 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกัน 17.8% และเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า 5.5% โดยได้รับการสนับสนุนจากอุปสงค์ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่แข็งแกร่งขึ้น และยอดขาย EV power จะกลับมามีโมเมนตัมการเติบโตที่แข็งแกร่งในช่วงครึ่งปีหลังปี 67 หนุนให้การส่งออกหม้อแปลงไฟฟ้าฟื้นตัว
แต่อย่างไรก็ดี ปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายบนPE ที่ 61.9 เท่า ซึ่งใกล้เคียงกับ PE เฉลี่ย 5 ปี และบริษัทอาจได้รับผลกระทบ จากมาตรการ GloBE ที่จะจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลขั้นตํ่า 15% จากบริษัทข้ามชาติ เริ่มใช้ในปี 2568 ดังนั้น จึงคงคําแนะนํา “NEUTRAL” สําหรับ DELTA โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 109 บาท
ถัดมา KCE คาดว่ากําไรสุทธิไตรมาส 3/67 จะอยู่ที่ 557 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 18.1% และเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 5% ตามคําสั่งซื้อผลิตภัณฑ์มาร์จิ้นสูงที่เข้ามาจำนวนมากและมาตรการลดต้นทุน แต่อย่างไรก็ดี ด้วยราคาทองแดงที่สูงและเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น จะส่งผลให้อัตรากําไรขั้นต้นลดลง
ทั้งนี้ ด้วยมูลค่าหุ้น KCE ในปัจจุบันยังอยู่ในจุดน่าสนใจ โดยปัจจุบันซื้อขายบน PE เพียง 19.8 เท่า ต่ำกว่า PE เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่ 32.1 เท่า จึงแนะนำ “OUTPERFORM” ราคาเป้าหมายที่ 55 บาท
ตามด้วย HANA คาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 3/67 จะอยู่ที่ 516 ล้านบาท แต่ลดลง 23.9% จากช่วงเดียวกัน จากธุรกิจ IC ที่อ่อนแอลงส่งผลกระทบต่อกําไร แต่จะปรับตัวดีขึ้น 7% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยได้รับการสนับสนุนจากผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสมาร์ทโฟนและ RFID จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตในครึ่งปีหลังปี 67
แต่อย่างไรก็ดี HANA ได้เตรียมแผนการเติบโตด้วยการขยายกําลังการผลิตซิลิคอนคาร์ไบด์ (SiC) ที่กําลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ โดยการขยายกําลังการผลิตจะช่วยผลักดันธุรกิจ SiC ให้ถึงจุดคุ้มทุนในปี 2568 จึงแนะนํา “OUTPERFORM” ราคาเป้าหมาย 56 บาท
สุดท้าย CCET นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้ปรับเพิ่มประมาณการกําไรสุทธิทั้งปี 2567 ขึ้น 11% เป็น 2,632 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 135.9% หลังเพิ่มสัดส่วนยอดขายสินค้าใหม่ที่มีอัตรากําไรสูงขึ้น ส่งผลให้ครึ่งปีหลังปี 67 อัตรากำไรขั้นต้นทรงตัวอยู่ที่ระดับ 5.5%
ขณะเดียวกันจะได้รับประโยชน์จากการเร่งการย้ายฐานการผลิตมาไทยและประเทศอื่นๆ และธุรกิจ EV charger ที่เป็นสินค้าได้รับประโยชน์จากมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่าง สหรัฐฯ-จีน ดังนั้น จึงแนะนํา "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 5.10 บาท เพื่อรับการเติบโตของกําไรปี 2567 -2568 ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น