จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : “พันธมิตร 7-11ขยายสาขา-นักท่องเที่ยวพุ่ง” หนุน TACC ฝ่าแรงซื้อร่วงช่วงฤดูฝน
05 กันยายน 2567
แม้ปีนี้สถานการณ์ฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา ซึ่งอุณหภูมิที่ปรับลดลงทำให้การขายเครื่องดื่มชะลอตัวลงบ้าง แต่ก็ไม่กระทบกับยอดขายของ บมจ. ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ (TACC) ผลจากการขยายสาขาของพันธมิตร 7-11 และร้านกาแฟพันธ์ไทย รวมทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวที่โตต่อเนื่อง เดือนก.ค. สูงถึง 3.1 ล้านคน
บล.พาย คาดการณ์ผลงาน บมจ. ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ (TACC) ในไตรมาส 3 โดยระบุว่า แนวโน้มจะเห็นการชะลอตัวจาก 2Q24 เพราะเข้าสู่ฤดูฝน อย่างไรก็ตามหากเทียบกับปีก่อนคาดว่าจะยังเห็น การเติบโตได้ดี ทั้งจากจำนวนสาขาของ 7-11 ที่เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับสาขาของร้านกาแฟพันธ์ไทย รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง (ตัวเลขนักท่องเที่ยวเดือนก.ค. สูงถึง 3.1 ล้านคน เพิ่มขึ้น 25% จากปีก่อน)
ดังนั้นเรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยมูลค่าพื้นฐาน 7.0 บาท (18XPER”67 อิงกับระดับ PER ย้อนหลัง 5 ปี ) จากผลประกอบการออกมาดีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเงินปันผลจ่ายที่ในช่วง ครึ่งปีแรกประกาศจ่าย 0.20 บาท/หุ้น XD 22 ส.ค. จ่าย 6 ก.ย. (ทั้งปีคาดว่าจะจ่าย 0.40 บาท/หุ้น คิดเป็นผลตอบแทนกว่า 8%) แต่ให้ระมัดระวังแรงกดดันจากการขายหุ้นซื้อคืนจำนวน 8 ล้านหุ้น ที่ทางบริษัทประกาศขายผ่านตลาดหลักทรัพย์
สอดคล้องกับมุมมองของบล.โกลเบล็กที่ระบุว่า แนะนำ “ซื้อ” TACC ที่ราคาเหมาะสม 7.60 บาท โดยมีมุมมองบวกต่อกำไร 2Q67 ที่เติบโตดีกว่าที่คาด ส่วนครึ่งหลังปี 67 มีโอกาสปรับตัวดีขึ้นทั้งจากปีก่อน และจากไตจรมาสก่อน จากทั้งการขยายสาขา 7-Eleven ทั้งในประเทศและต่างประเทศ (ลาว กัมพูชา) และกลุ่ม Non 7-Eleven โดยหลักมาจากการเป็นคู่ค้ากับกาแฟพันธุ์ไทย (สัดส่วน 6-7% ของรายได้รวม) ที่มีแผนขยายสาขาเชิงรุกซึ่งปัจจุบันมีราว 1,000 สาขา
โดยปีนี้คาดเปิดเพิ่มทั้งหมด 400 สาขา สู่ราว 1,300 สาขา และแผน 5 ปีจะมีทั้งหมด 5,000 สาขา ตลอดจนการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อาทิ New Flavor (All Café และโถกดเย็น), Character Business และการเติบโตของธุรกิจใหม่ บริษัท เฮลธ์อินสไปร์ด แพลนเนต จำกัด (HIP) จำหน่ายผลิตภัณฑ์ Health and Wellness แบรนด์ Bloss
อย่างไรก็ตาม คาดแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/67 มีโอกาสปรับตัวลงเล็กน้อยจากตารมาสก่อน แม้จะมีผลกระทบจากปัจจัยฤดูกาลที่เป็นฤดูฝน แต่จะถูกชดเชยยอดขายแบบออนไลน์ของ 7-Eleven ที่เติบโตดีโดยเราเตรียมปรับประมาณการกำไรปี67 เชิงบวกจากเดิมที่คาด
รายได้และกำไรราว 1,847 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากปีก่อน และ 242 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% จากปีก่อน ตามลำดับ หลังจากรายได้ช่วงครึ่งแรกปี 67 คิดเป็น 51% ของประมาณการทั้งปี และ %GPM ช่วงคีรึ่งแรกปี 67 อยู่ที่ระดับ 33.5% สูงกว่าที่เราคาดที่ราว 32.6% โดยราคาเหมาะสมเดิมของปี67 ที่ 7.60 บาท มีUpside 57% และ คาดจ่ายปันผลในอัตรา 7% ต่อปี คงคำแนะนำ “ซื้อ”
ส่วนความเสี่ยงที่ต้องติดตามได้แก่ 1) กำลังอยู่ในช่วงจำหน่ายหุ้นซื้อคืนจ้านวน 8 ล้านหุ้นในช่วงวันที่17 พ.ค. 67 - 19 พ.ค. 2568
2) ความผันผวนของราคาวัตถุดิบ โดยเฉพาะราคากาแฟและน้ำตาลที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจทำให้%GPM ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 33%
ขณะที่ นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร (TACC) ระบุแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังปี 2567 มีทิศทางที่สดใส และมั่นใจว่า ภาพรวมธุรกิจในปีนี้จะเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ ซึ่งตั้งเป้ารายได้เติบโต 10% เทียบปีที่ผ่านมาที่มีรายได้รวม 1,727 ล้านบาท โดยยังคงเดินหน้านโยบายการสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจหลักพร้อมพัฒนาสินค้าใหม่ ทั้งในกลุ่ม B2B B2C ให้เติบโตต่อเนื่องอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน อีกทั้งยังคงเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการต้นทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญสูงสุดในด้านการพัฒนาสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดร่วมกับ 7-Eleven ในฐานะ Key Strategic Partner ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อช่วยผลักดันยอดขายเพิ่มขึ้น รวมไปถึงการขยายฐานลูกค้าใหม่ทั้งในส่วนของ B2B และ B2C เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค รวมทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุนทั้งทางตรงและทางอ้อม
บล.พาย คาดการณ์ผลงาน บมจ. ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ (TACC) ในไตรมาส 3 โดยระบุว่า แนวโน้มจะเห็นการชะลอตัวจาก 2Q24 เพราะเข้าสู่ฤดูฝน อย่างไรก็ตามหากเทียบกับปีก่อนคาดว่าจะยังเห็น การเติบโตได้ดี ทั้งจากจำนวนสาขาของ 7-11 ที่เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับสาขาของร้านกาแฟพันธ์ไทย รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง (ตัวเลขนักท่องเที่ยวเดือนก.ค. สูงถึง 3.1 ล้านคน เพิ่มขึ้น 25% จากปีก่อน)
ดังนั้นเรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยมูลค่าพื้นฐาน 7.0 บาท (18XPER”67 อิงกับระดับ PER ย้อนหลัง 5 ปี ) จากผลประกอบการออกมาดีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเงินปันผลจ่ายที่ในช่วง ครึ่งปีแรกประกาศจ่าย 0.20 บาท/หุ้น XD 22 ส.ค. จ่าย 6 ก.ย. (ทั้งปีคาดว่าจะจ่าย 0.40 บาท/หุ้น คิดเป็นผลตอบแทนกว่า 8%) แต่ให้ระมัดระวังแรงกดดันจากการขายหุ้นซื้อคืนจำนวน 8 ล้านหุ้น ที่ทางบริษัทประกาศขายผ่านตลาดหลักทรัพย์
สอดคล้องกับมุมมองของบล.โกลเบล็กที่ระบุว่า แนะนำ “ซื้อ” TACC ที่ราคาเหมาะสม 7.60 บาท โดยมีมุมมองบวกต่อกำไร 2Q67 ที่เติบโตดีกว่าที่คาด ส่วนครึ่งหลังปี 67 มีโอกาสปรับตัวดีขึ้นทั้งจากปีก่อน และจากไตจรมาสก่อน จากทั้งการขยายสาขา 7-Eleven ทั้งในประเทศและต่างประเทศ (ลาว กัมพูชา) และกลุ่ม Non 7-Eleven โดยหลักมาจากการเป็นคู่ค้ากับกาแฟพันธุ์ไทย (สัดส่วน 6-7% ของรายได้รวม) ที่มีแผนขยายสาขาเชิงรุกซึ่งปัจจุบันมีราว 1,000 สาขา
โดยปีนี้คาดเปิดเพิ่มทั้งหมด 400 สาขา สู่ราว 1,300 สาขา และแผน 5 ปีจะมีทั้งหมด 5,000 สาขา ตลอดจนการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อาทิ New Flavor (All Café และโถกดเย็น), Character Business และการเติบโตของธุรกิจใหม่ บริษัท เฮลธ์อินสไปร์ด แพลนเนต จำกัด (HIP) จำหน่ายผลิตภัณฑ์ Health and Wellness แบรนด์ Bloss
อย่างไรก็ตาม คาดแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/67 มีโอกาสปรับตัวลงเล็กน้อยจากตารมาสก่อน แม้จะมีผลกระทบจากปัจจัยฤดูกาลที่เป็นฤดูฝน แต่จะถูกชดเชยยอดขายแบบออนไลน์ของ 7-Eleven ที่เติบโตดีโดยเราเตรียมปรับประมาณการกำไรปี67 เชิงบวกจากเดิมที่คาด
รายได้และกำไรราว 1,847 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากปีก่อน และ 242 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% จากปีก่อน ตามลำดับ หลังจากรายได้ช่วงครึ่งแรกปี 67 คิดเป็น 51% ของประมาณการทั้งปี และ %GPM ช่วงคีรึ่งแรกปี 67 อยู่ที่ระดับ 33.5% สูงกว่าที่เราคาดที่ราว 32.6% โดยราคาเหมาะสมเดิมของปี67 ที่ 7.60 บาท มีUpside 57% และ คาดจ่ายปันผลในอัตรา 7% ต่อปี คงคำแนะนำ “ซื้อ”
ส่วนความเสี่ยงที่ต้องติดตามได้แก่ 1) กำลังอยู่ในช่วงจำหน่ายหุ้นซื้อคืนจ้านวน 8 ล้านหุ้นในช่วงวันที่17 พ.ค. 67 - 19 พ.ค. 2568
2) ความผันผวนของราคาวัตถุดิบ โดยเฉพาะราคากาแฟและน้ำตาลที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจทำให้%GPM ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 33%
ขณะที่ นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร (TACC) ระบุแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังปี 2567 มีทิศทางที่สดใส และมั่นใจว่า ภาพรวมธุรกิจในปีนี้จะเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ ซึ่งตั้งเป้ารายได้เติบโต 10% เทียบปีที่ผ่านมาที่มีรายได้รวม 1,727 ล้านบาท โดยยังคงเดินหน้านโยบายการสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจหลักพร้อมพัฒนาสินค้าใหม่ ทั้งในกลุ่ม B2B B2C ให้เติบโตต่อเนื่องอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน อีกทั้งยังคงเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการต้นทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญสูงสุดในด้านการพัฒนาสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดร่วมกับ 7-Eleven ในฐานะ Key Strategic Partner ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อช่วยผลักดันยอดขายเพิ่มขึ้น รวมไปถึงการขยายฐานลูกค้าใหม่ทั้งในส่วนของ B2B และ B2C เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค รวมทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุนทั้งทางตรงและทางอ้อม