จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : “บริโภคภาคเอกชน-ท่องเที่ยว” โต ผลักดันผลงาน PTG ครึ่งปีหลังแกร่ง
05 กันยายน 2567
การบริโภคของภาคเอกชน การท่องเที่ยว รวมถึงการขยาย Touchpoint ทั้งธุรกิจน้ำมันและ Non-Oil หนุน บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG)ปรับเป้ายอดขายน้ำมันปีนี้เป็นโต 10-15%
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) เปิดเผยว่า บริษัทปรับเป้าการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางปี 67 เป็น 10-15% เทียบกับปีก่อน จากเดิมที่ 10-12% เนื่องจากปริมาณขายทุกช่องทางสร้างการเติบโตสูงจากปัจจัยภายในของทางบริษัทฯ
รวมถึงอุปสงค์การใช้น้ำมันในครึ่งปีหลังมีทิศทางที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว และคาดว่าจะขยายจำนวนสถานีบริการเป็น 2,251 สถานีบริการภายในปีนี้
แนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลังเชื่อว่ายังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เป็นการเติบโตในธุรกิจทุกภาคส่วน โดยเฉพาะปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านช่องทางค้าปลีกผ่านสถานีบริการ PT ที่ทำได้สูงตามเป้าอย่างต่อเนื่อง จากการฟื้นตัวของการบริโภคของภาคเอกชน-การท่องเที่ยว รวมถึงการขยาย Touchpoint ทั้งธุรกิจน้ำมัน Non-Oil และกลยุทธ์ปรับปรุงสถานีเพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าเพิ่มขึ้นส่งผลทำให้ลูกค้าขยายตัวเพิ่มมากขึ้น
ขณะที่ บล.ดาโอ ระบุว่า มอง slightly positive จากข้อมูลในที่ประชุมนักวิเคราะห์จาก
1.แนวโน้มการเพิ่มยอดขายจากปีก่อน ได้ทุกธุรกิจในครึ่งหลังปี 67 ตามความสำเร็จในการเพิ่มสาขา และส่งเสริมการตลาดเพิ่มยอดขายต่อสาขาได้ต่อเนื่อง (แต่ด้านกำไรจะลดลงจากปีก่อน เพราะค่าการตลาดไม่สูงเท่าไตรมาส 4/66 ราว 1.85 บาท/ลิตร)
2.Non-oil มีแนวโน้มเพิ่มอัตรากำไรได้จาก economies of scale ที่เพิ่มขึ้น (เราคาด GPM non-oil 67ราว 21% เทียบกับ 66 ที่ 20% และครึ่งแรกปี 67 ราว 22%)
3.ระยะยาวอาจมี upside ของอัตรากำไร หากบริษัทลดค่าใช้จ่ายการตลาดได้ ทุกๆSG&A ต่อลิตรที่ลดลง 0.01 บาท/ลิตร จะเป็น upside ต่อกำไรราว 3-4%
ดังนั้นคงคำแนะนำ Trading Buy ที่ราคาเป้าหมายปี 68 เท่ากับ 10.5 บาท มองแม้ core business หลักของ PTG เติบโตจากปีก่อน แต่ระยะสั้น แนวโน้มกำไรไตรมาส 367 ลดลงจากไตรมาสก่อน จากปัจจัยฤดูกาล
และยังมี overhang สำคัญจากกฎหมายคุมราคาน้ำมัน คาดคืบหน้าไตรมาส 4/67 และไตรมาส 1/68 ที่อาจกระทบค่าการตลาดได้อย่างมีนัยสำคัญหากสุดท้ายรัฐไม่ได้เลือกพึ่งกลไกของภาครัฐเอง (ลดภาษีฯ) คงมุมมองรอดูความชัดเจนของกฎหมายก่อนได้ค่อยเก็งกำไรการฟื้นในไตรมาส 4/67 และปี 68
ทั้งนี้เราประเมิน sensitivity ทุกๆค่าการตลาดน้ำมันลดลงในระยะยาว 0.1 บาท/ลิตร จะกระทบกำไรปี 68-69 ราว-31-38% และราคาเป้าหมายปี 68 -5.7 บาท)
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/67 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 468 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 352 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 302.9% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนรายได้รวม 57,775 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.7% ปัจจัยหลักมาจากธุรกิจ Oil มีรายได้ 53,622 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13%
ส่วนธุรกิจ Non-Oil มีรายได้เพิ่มขึ้น 24.5% เป็น 4,153 ล้านบาท ปัจจัยหลักมาจากธุรกิจก๊าซ LPG ที่มีรายได้ 2,305 ล้านบาท เติบโต 13.1% เนื่องจากมีปริมาณการจัดจำหน่ายก๊าซ LPG ที่ยังคงสร้างสถิติสูงที่สุดอย่างต่อเนื่องจำนวน 174 ล้านลิตร หรือเพิ่มขึ้น 12.4%
ด้านธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยมีรายได้จากการขายและบริการเท่ากับ 517 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76.2% เป็นผลมาจากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 2/67 มีจำนวนสาขาร้านกาแฟพันธุ์ไทยทั้งสิ้น 1,028 สาขา เพิ่มขึ้น 46.2% นับเป็นการขยายสาขาแตะหลักพันเป็นครั้งแรก โดยมีการกลับมาซื้อซ้ำ ของลูกค้ารายเดิมและจากกลุ่มลูกค้าผู้ถือบัตรสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus ซึ่งปีนี้ทางบริษัทฯ ยังคงวางเป้าหมายการขยายสาขาของกาแฟพันธุ์ไทยไว้ที่ 400 สาขา
ส่วนธุรกิจอื่น ๆ ภายใต้ธุรกิจ Non-Oil บริษัทยังคงวางแผนขยายสาขาและ Touchpoints อย่างต่อเนื่อง โดยมองว่าในปี 67 วางเป้าจำนวนสาขาธุรกิจ Non-Oil อื่น ๆ เป็น 961 Touchpoints เพิ่มขึ้น 329 Touchpoints การขยายสาขาจำนวนหลัก ๆ มาจาก ธุรกิจศูนย์บริการและซ่อมบำรุงรถยนต์ Autobacs, สถานีอัดประจุไฟฟ้า Elex by EGAT PT, และสาขาร้านสะดวกซื้อ Max Mart เป็นต้น
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) เปิดเผยว่า บริษัทปรับเป้าการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางปี 67 เป็น 10-15% เทียบกับปีก่อน จากเดิมที่ 10-12% เนื่องจากปริมาณขายทุกช่องทางสร้างการเติบโตสูงจากปัจจัยภายในของทางบริษัทฯ
รวมถึงอุปสงค์การใช้น้ำมันในครึ่งปีหลังมีทิศทางที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว และคาดว่าจะขยายจำนวนสถานีบริการเป็น 2,251 สถานีบริการภายในปีนี้
แนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลังเชื่อว่ายังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เป็นการเติบโตในธุรกิจทุกภาคส่วน โดยเฉพาะปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านช่องทางค้าปลีกผ่านสถานีบริการ PT ที่ทำได้สูงตามเป้าอย่างต่อเนื่อง จากการฟื้นตัวของการบริโภคของภาคเอกชน-การท่องเที่ยว รวมถึงการขยาย Touchpoint ทั้งธุรกิจน้ำมัน Non-Oil และกลยุทธ์ปรับปรุงสถานีเพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าเพิ่มขึ้นส่งผลทำให้ลูกค้าขยายตัวเพิ่มมากขึ้น
ขณะที่ บล.ดาโอ ระบุว่า มอง slightly positive จากข้อมูลในที่ประชุมนักวิเคราะห์จาก
1.แนวโน้มการเพิ่มยอดขายจากปีก่อน ได้ทุกธุรกิจในครึ่งหลังปี 67 ตามความสำเร็จในการเพิ่มสาขา และส่งเสริมการตลาดเพิ่มยอดขายต่อสาขาได้ต่อเนื่อง (แต่ด้านกำไรจะลดลงจากปีก่อน เพราะค่าการตลาดไม่สูงเท่าไตรมาส 4/66 ราว 1.85 บาท/ลิตร)
2.Non-oil มีแนวโน้มเพิ่มอัตรากำไรได้จาก economies of scale ที่เพิ่มขึ้น (เราคาด GPM non-oil 67ราว 21% เทียบกับ 66 ที่ 20% และครึ่งแรกปี 67 ราว 22%)
3.ระยะยาวอาจมี upside ของอัตรากำไร หากบริษัทลดค่าใช้จ่ายการตลาดได้ ทุกๆSG&A ต่อลิตรที่ลดลง 0.01 บาท/ลิตร จะเป็น upside ต่อกำไรราว 3-4%
ดังนั้นคงคำแนะนำ Trading Buy ที่ราคาเป้าหมายปี 68 เท่ากับ 10.5 บาท มองแม้ core business หลักของ PTG เติบโตจากปีก่อน แต่ระยะสั้น แนวโน้มกำไรไตรมาส 367 ลดลงจากไตรมาสก่อน จากปัจจัยฤดูกาล
และยังมี overhang สำคัญจากกฎหมายคุมราคาน้ำมัน คาดคืบหน้าไตรมาส 4/67 และไตรมาส 1/68 ที่อาจกระทบค่าการตลาดได้อย่างมีนัยสำคัญหากสุดท้ายรัฐไม่ได้เลือกพึ่งกลไกของภาครัฐเอง (ลดภาษีฯ) คงมุมมองรอดูความชัดเจนของกฎหมายก่อนได้ค่อยเก็งกำไรการฟื้นในไตรมาส 4/67 และปี 68
ทั้งนี้เราประเมิน sensitivity ทุกๆค่าการตลาดน้ำมันลดลงในระยะยาว 0.1 บาท/ลิตร จะกระทบกำไรปี 68-69 ราว-31-38% และราคาเป้าหมายปี 68 -5.7 บาท)
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/67 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 468 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 352 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 302.9% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนรายได้รวม 57,775 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.7% ปัจจัยหลักมาจากธุรกิจ Oil มีรายได้ 53,622 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13%
ส่วนธุรกิจ Non-Oil มีรายได้เพิ่มขึ้น 24.5% เป็น 4,153 ล้านบาท ปัจจัยหลักมาจากธุรกิจก๊าซ LPG ที่มีรายได้ 2,305 ล้านบาท เติบโต 13.1% เนื่องจากมีปริมาณการจัดจำหน่ายก๊าซ LPG ที่ยังคงสร้างสถิติสูงที่สุดอย่างต่อเนื่องจำนวน 174 ล้านลิตร หรือเพิ่มขึ้น 12.4%
ด้านธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยมีรายได้จากการขายและบริการเท่ากับ 517 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76.2% เป็นผลมาจากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 2/67 มีจำนวนสาขาร้านกาแฟพันธุ์ไทยทั้งสิ้น 1,028 สาขา เพิ่มขึ้น 46.2% นับเป็นการขยายสาขาแตะหลักพันเป็นครั้งแรก โดยมีการกลับมาซื้อซ้ำ ของลูกค้ารายเดิมและจากกลุ่มลูกค้าผู้ถือบัตรสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus ซึ่งปีนี้ทางบริษัทฯ ยังคงวางเป้าหมายการขยายสาขาของกาแฟพันธุ์ไทยไว้ที่ 400 สาขา
ส่วนธุรกิจอื่น ๆ ภายใต้ธุรกิจ Non-Oil บริษัทยังคงวางแผนขยายสาขาและ Touchpoints อย่างต่อเนื่อง โดยมองว่าในปี 67 วางเป้าจำนวนสาขาธุรกิจ Non-Oil อื่น ๆ เป็น 961 Touchpoints เพิ่มขึ้น 329 Touchpoints การขยายสาขาจำนวนหลัก ๆ มาจาก ธุรกิจศูนย์บริการและซ่อมบำรุงรถยนต์ Autobacs, สถานีอัดประจุไฟฟ้า Elex by EGAT PT, และสาขาร้านสะดวกซื้อ Max Mart เป็นต้น