โบรกฯ เปิดรายชื่อ 9 หุ้น รับผลกระทบขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ชี้กรณีร้ายแรงอาจฉุดกำไรมากถึง 20%
จากกรณีที่รายงานข่าวระบุว่า นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการปรับเพิ่มอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ซึ่งยังคงเป็นไปตามนโยบายของอดีตนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งจะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ต.ค. นี้ เป็นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่ 400 บาทที่จะประกาศใช้พร้อมกันทั้งประเทศ
แต่อย่างไรก็ตามจะเป็นการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างต่ำในกลุ่มอาชีพ แยกตามขนาดของสถานประกอบการ ขณะที่นโยบายภาพใหญ่ของกระทรวงแรงงาน ต้องรอการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาอีกครั้งนั้น
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองเป็นลบต่อกลุ่ม labor intensive โดยเฉพาะกลุ่มรับเหมาโดยหากคำแรงขึ้นค่ำปรับขึ้นขึ้นเป็น 400 บาท
จะส่งผลให้อัตราค่าแรงสูงกว่าค่าเฉลี่ยปัจจุบันราว 14% ทั้งนี้เบื้องต้นเราประเมินกรณี worst case (เลวร้ายที่สุด) หากต้นทุนค่าแรงโดยรวมที่เพิ่มขึ้นทุก 10-14% จะกดดันกำไรต่อ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC มากที่สุดถึง 20%
ขณะที่ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือ PYLON และ บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAFCO จะมีผลกระทบประมาณ 10-12%
แต่อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์มองว่าผลกระทบมีโอกาสน้อยกว่าคาด เนื่องจากผู้ประกอบการรับเหมากลุ่มนี้ส่วนใหญ่มีการจ่ายค่าแรงสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำทั่วไป อยู่แล้ว ขณะเดียวกันช่วงที่ผ่านมาตลาดค่อนข้าง pricedin กับปัจจัยดังกล่าวไปบ้างแล้ว
สำหรับกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง นักวิเคราะห์คงน้ำหนัก "Neutral" และ Top pick ได้แก่ CK โดยแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายเป้า 29.00 บาท
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์มองว่าจะกระทบกลุ่มการเกษตรและกลุ่มอาหารเช่นกัน เบื้องตันเราประเมินกรณี worst case หากต้นทุนโดยรวมที่เพิ่มขึ้นทุก 10-14% จะกระทบกำไรกลุ่ม AAI, ITC, GFPT, NER, และ TUใกล้เคียงกันราว -5-10% อย่างไรก็ตามเรามองว่าผลกระทบดังกล่าวจะถูกชดเชยบางส่วนจากการปรับราคาขายขึ้น รวมถึงบริษัทส่วนใหญ่มีการทยอยลงทุนระบบ automation มากขึ้น ทำให้ผลกระทบอาจน้อยกว่าที่ประเมิน