Talk of The Town

จับตา! รัฐบาลแพทองธารแถลง 12 ก.ย.นี้ จ่อดัน 10 นโยบายเร่งด่วนทำทันที นักวิเคราะห์ชี้หนุนหุ้น Domestic Play


09 กันยายน 2567
สำหรับความคืบหน้าของ“รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร” ก็ได้เปิดเผยหน้าตาของคณะรัฐมนตรี(ครม.) ออกมาเป็นที่เรียบร้อยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุดก็เตรียมที่จะแถลงต่อสภาฯในวันนที่ 12 ก.ย.นี้ เกี่ยวกับ 10 นโยบายเร่งด่วนที่ต้องดำเนินงานทำทันที แต่จะมีผลต่อภาพตลาดทุนและเศรษฐกิจมากน้อยเพียงใดไปรับชมรายละเอียดกัน

จับตา! รัฐบาลแพทองธารแถลง 12 ก.ย.นี้ S2T (เว็บ)_0.jpg

โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้มุมมองว่ามีหลายประเด็นที่น่าสนใจทั้ง 10 นโยบายเร่งด่วนที่จะทำทันทีและ 11 นโยบายระยะกลาง-ยาวที่จะทำลำดับถัดไป โดยแนวคิดของนโยบายอิงปัญหาที่เกิดขึ้น 9 ด้าน ทั้งเศรษฐกิจและสังคม เช่น หนี้ครัวเรือนในระดับสูง 90% ของ GDP, ภาวะ Aging Society, SMEs ขาดสภาพคล่องและถูกกระทบจาก Online Platform, Climate Change กระทบภาคเกษตรและท่องเที่ยว รวมถึงความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่สูงขึ้นรัฐบาลเตรียมแถลงนโยบาย 12 ก.ย.นี้

สำหรับนโยบายเร่งด่วน 10 ด้าน มี 6 ด้านที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจและการลงทุน คือ 1.ปรับโครงสร้างหนี้ผ่านสถาบันการเงินรัฐ ธนาคารพาณิชย์และบริษัทบริหารสินทรัพย์ เป็นบวกต่อธนาคาร, ไฟแนนซ์,บริหารจัดการหนี้เช่น KBANK, BBL, TIDLOR, BAM, JMT

2.เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจให้ความสำคัญกับกลุ่มเปราะบางก่อนแล้วผลักดัน Digital Wallet เป็นบวกต่อค้าปลีก และสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น CPALL, CPAXT, BJC, CRC, HMPRO,DOHOME, GLOBAL, ILM, CBG, OSP, SABINA

3.ส่งเสริมการท่องเที่ยว กลุ่ม MICE, Digital Nomad และEntertainment Complex เป็นบวกต่อกลุ่มท่องเที่ยวและสันทนาการ เช่น AOT, MINT, ERW, CENTEL, CRC, MBK, BTS, VGI รวมถึง กลุ่มรับเหมาฯ เช่น CK, STEC

4.เร่งออกมาตรการลดราคาพลังงานและสาธารณูปโภค เช่น ปรับโครงสร้างราคาพลังงาน, Direct PPA, สำรองเชื้อเพลิงเพื่อความมั่นคงทางยุทธศาสตร์, เจรจาพื้นที่ทับซ้อน, ผลักดันขนส่งมวลชนสาธารณะ โดยกำหนดค่าโดยสารราคาเดียว เป็นบวกต่อ GULF, GUNKUL, SSP, BTS, BEM

5.นำเศรษฐกิจนอกระบบและเศรษฐกิจใต้ดินเข้าสู่ระบบภาษีคาดว่ามีมูลค่าสูงราว 50% ของ GDP เพื่อนำไปจัดสวัสดิการด้านการศึกษาและสาธารณสุข

6.พักหนี้ให้ SMEs และ Matching Fund ระหว่างรัฐบาลกับเอกชนเพื่อประคับประคองสถานการณ์การชะลอตัวของ SMEs นโยบายระยะกลาง-ยาว เน้นการลงทุนและปรับภาษี
ส่วนนโยบายระยะกลาง-ยาวเน้นกระตุ้นการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ เช่นยานยนต์แห่งอนาคต, พลังงานสะอาด, Data Center, Medical Hub, Financial Hub, Landbridge, พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีและสาธารณูปโภค, ปรับโครงสร้างภาษีครั้งใหญ่ โดยศึกษา Negative Income Tax

นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาทุนมนุษย์และดูแลสิ่งแวดล้อม เช่น Soft Power, 30 บาทรักษาทุกที่, แก้ปัญหา PM2.5, บริหารจัดการน้ำ และเปิดซื้อขายคาร์บอนเครดิตในตลาดหลักทรัพย์ นโยบายของรัฐบาลเป็นบวกต่อ Domestic Play โดยภาพรวม แต่ระยะสั้นให้น้ำหนักกับนโยบายเร่งด่วนเป็นหลัก ซึ่งประเมินเป็นปัจจัยบวกต่อ ธนาคาร, ไฟแนนซ์, ค้าปลีก, สินค้าอุปโภคบริโภค,โรงไฟฟ้า, และกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับ Entertainment Complex

เช่นเดียวกันกับนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองว่าคำแถลงของ ครม. ใหม่ที่นายกจะแถลง 12 ก.ย. นี้ พบว่า มีนโยบายเศรษฐกิจเร่งด่วนทั้งสิ้น 7 นโยบาย โดยรวมมองบวกต่อหุ้นฝั่ง Domestic ค้าปลีก (CPALL, CPAXT, BJC) ธนาคาร (BBL, KBANK) เช่าซื้อ (MTC) ท่องเที่ยว(AOT (ตั้งรับ), BTS, VGI, BJC, STEC, ERW, BA, MBK) กลุ่ม Infra Tech (GULF, WHA, ADVANC, TRUE, BE8, BBIK), Entertainment Complex

1.นโยบายที่จะผลักดันให้เกิดการปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ โดยเฉพาะสินเชื่อบ้านและรถ สินเชื่อทั้งในและนอกระบบ โดยจะดำเนินนโยบายผ่านสถาบันการเงินรัฐฯ ธนาคารพาณิชย์ และบริษัทบริหารสินทรัพย์ เรามองบวกต่อกลุ่มธนาคาร เช่าซื้อที่กำลังเผชิญแรงกดดันคุณภาพสินทรัพย์ 

ทั้งนี้ มีโอกาสเป็นจิตวิทยาลบเล็กๆ ต่อกลุ่มติดตามหนี้ที่ปริมาณการขายหนี้เสียสู่ระบบระยะสั้นอาจจะลดลง แต่ระยะกลาง-ยาว เชื่อหนุนจากความสามารถจ่ายหนี้ดีขึ้น นโยบายดังกล่าวเน้นลงทุน KBANK, KTB, BBL, MTC

2.รัฐบาลจะดูแลและส่งเสริมพร้อมปกป้องผลประโยชน์ธุรกิจ SMEs มองบวกต่อธนาคารที่มีสินเชื่อ SMEs สัดส่วนสูงๆ อาทิ KBANK, TTB

3.รัฐบาลจะเร่งออกมาตรการเพื่อลดราคาค่าพลังงานและสาธาณณูปโภค (ปรับโครงสร้างราคาพลังงงาน เช่น Direct PPA บวกต่อกลุ่มหุ้นในธีม Infra Tech ที่ดึงดูดการลงทุน Data Center จากต่างประเทศเร็วและเร่งขึ้น อาทิ GULF, WHA, ADVANC, TRUE, BE8, BBIK) การเจรจาพื้นที่ทับซ้อนพลังงาน บวกต่อ PTTEP การผลักดันระบบขนส่งมวลชน ค่าโดยสารราคาเดียว บวกต่อ BTS

4.นโยบายนำเศรษฐกิจนอกระบบภาษีเข้าสู่ระบบภาษี บวกต่อการเงินภาษีสร้างสวัสดิการที่ดีและการพัฒนาประเทศระยะยาว

5.นโยบายเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้ความสำคัญกลุ่มเปราะบางลำดับแรก คาดเป็นการนำเงินส่วนเพิ่มงบประมาณปี 2567 แจกตรงสู่กลุ่มดังกล่าว และผลักดันโครงการ Digital Wallet ต่อเนื่อง บวกต่อกลุ่ม Domestic ค้าปลีก (CPALL, CPAXT, BJC) ธนาคาร (BBL, KBANK) เช่าซื้อ (MTC, JMT)

6.รัฐบาลจะยกระดับเกษตรดั้งเดิมเป็นเกษตรทันสมัย บวกต่อหุ้นกลุ่มเกษตร – อาหารที่มีความพร้อมลงทุน อาทิ CPF กลุ่ม Digital Tech ในฐานะผู้ให้คำปรึกษา Digital Transformation อาทิ BE8 BBIK

7.นโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว เพิ่มแหล่งท่องเที่ยวมนุษย์สร้าง สวนน้ำ สวนสนุก สถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) รวมถึงการดึงเทศกาลระดับโลกเข้ามาจัดในไทย เรามองบวกต่อกลุ่มท่องเที่ยวที่ตลาดจะเห็นภาพการยกระดับการเติบโตนักท่องเที่ยวระยะถัดไป หลังยอดปัจจุบันใกล้แตะระดับก่อน COVID แล้ว (AOT (ตั้งรับ), BTS, VGI, BJC, STEC, ERW, BA, MBK)