Wealth Sharing

วางแผนลงทุน รับมือ "เฟด" เริ่มลดดอกเบี้ยเดือนก.ย.นี้ โบรกฯ ชี้พันธบัตร-ตราสารหนี้ เด่นสุด


09 กันยายน 2567
นักวิเคราะห์คาดปีนี้เฟดจะลดดอกเบี้ยมาอยู่ที่ 4.25-4.50% หลังเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มอ่อนแอลง พร้อมประเมิน การลงทุนในพันธบัตรสหรัฐฯ และ ตราสารหนี้ มีความน่าสนใจมากที่สุด เหตุให้ผลตอบแทนเป็นบวกทั้งในกรณีที่เกิดและไม่เกิดเศรษฐกิจถดถอย

วางแผนลงทุน_WS (เว็บ)_0.jpg

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดประเมิน Fed เตรียมลดดอกเบี้ยในทุกการประชุมทั้ง 3 ครั้งที่เหลือของปีนี้ โดยคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลงจากระดับ 5.25-5.50% มาอยู่ที่ 4.25-4.50% ภายในปีนี้ (1%) 

หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่เริ่มมีแนวโน้มอ่อนแอลง และ นาย Jerome Powell ส่งสัญญาณ Dovish ในการประชุม Jackson Hole โดยตลาดให้น้ำหนัก 100% ว่า Fed จะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุม FOMC วันที่ 18 ก.ย.2567

ทั้งนี้แม้ว่าการลดอัตราดอกเบี้ยจะถูกประเมินว่าเป็นวิธีการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดี เนื่องจากช่วยลดต้นทุนการกู้ยืม ทำให้มีการลงทุน และการใช้จ่ายมากขึ้น แต่ไม่ใด้มีประสิทธิภาพเสมอไป เนื่องจากนโยบายดอกเบี้ยต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 6 เดือน ถึง 1 ปี ในการส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ซึ่งอาจจะช้าเกินไป เนื่องจากธนาคารกลางมักจะใช้ข้อมูลเศรษฐกิจในอดีตในการตัดสินใจดำเนินนโยบายทางการเงิน 

โดยข้อมูลในอดีตตั้งแต่ปี 2523 พบว่า Fed ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยทั้งหมด 9 ครั้ง โดยมีเพียง 4 ใน 9 ครั้งที่สามารถป้องกันการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ (Non-Recession) ได้แก่ปี ค.ศ. 1984, 1987, 1995, และ 1998 ในขณะที่อีก 5 ครั้ง จาก 9 ครั้งเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ตามมา (Pre-recession) ในปี ค.ศ. 1981, 1989, 2001, 2007 และ 2019

อย่างไรก็ตาม ตราสารหนี้รัฐบาล และ Investment Grade มักจะให้ผลตอบแทนที่ดีไม่ว่าจะเป็นช่วงที่เกิดหรือไม่เกิดเศรษฐกิจถดถอยก็ตาม แต่จะต้องระมัดระวังการลงทุนใน High Yield Bond เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากการเกิด Recession โดยสินทรัพย์ในกลุ่ม Yield Plays ที่เป็น Defensive จะ Outperform ได้ดีในสถานการณ์ดังกล่าว อาทิ Property Fund & REITs, หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า และหุ้นกลุ่มสื่อสาร

ขณะที่ตลาดหุ้นมักจะ Outperform หากไม่เกิด Recession โดยเฉพาะตลาดหุ้น Nasdaq ที่เป็นหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี เนื่องจากมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดในอนาคตจะเพิ่มขึ้น 

ดังนั้นประเมินว่าการลงทุนในพันธบัตรสหรัฐฯ และ ตราสารหนี้ที่อยู่ในระดับ Investment Grade มีความน่าสนใจในการลงทุนมากที่สุด เนื่องจากสินทรัพย์ดังกล่าวมักจะให้ผลตอบแทนเป็นบวกทั้งในกรณีที่เกิดและไม่เกิดเศรษฐกิจถดถอย