Talk of The Town
เปิดโพยธีมลงทุนรับกระแส วายุภักษ์-TESG หนุนตลาดทุนไทยทะยาน 1,540 จุด
09 กันยายน 2567
เหลือเพียงไม่กี่สัปดาห์ก็จะเข้าสู่ช่วงการเปิดให้นักลงทุนทั่วไปได้จับจองซื้อกองทุนวายุภักษ์ 1 ในวันที่ 16-20 กันยายนนี้ ซึ่งก็ได้กำหนดรายละเอียดและช่องทางการซื้อขายไว้ในเบื้องต้น แต่ด้วยความน่าสนใจที่ล้นหลามก็อาจจะทำให้นักลงทุนไม่ได้รับสิทธิ์การซื้อหน่วยลงทุนครบทุกคน
ดังนั้น ในวันนี้ทางจึงได้ทำการรวบรวมสำรวจและข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นรายตัวที่จะได้รับประโยชน์หรือเม็ดเงินลงทุนจากกองทุนวายุภักษ์ 1 เพื่อเป็นช่องทางและตัวเลือกให้แก่นักลงทุน ที่อาจจะพลาดโอกาสการลงทุนในกองทุนแต่ยังสามารถลงทุนไปตามกระแสดังกล่าวได้
โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโมเมนตัมเป็นขาขึ้น ซึ่งประเมินจะเดินหน้าเข้าสู่ 1,540 จุด ในปลายปีนี้ จากแรงหนุนการเมืองภายในที่ชัดเจน ผลักดันการเติบโตเศรษฐกิจไทยปี 2567 โต 2.4% และปี 2568 โต 2.8-3.0% และแรงหนุนหลักคือเม็ดเงินใหม่กองทุนวายุภักษ์กับThaiESG ปลายปี โดยมองเม็ดเงินที่จะไหลเข้ามาราว 1.2-1.7 แสนล้านบาท คาดจะเข้ามาช่วงที่เหลือของปี 2567
สำหรับกลยุทธ์เน้นลงทุนหุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์ และอยู่ใน ThaiESG ใน 4 กลุ่ม ประกอบไปด้วย
1.หุ้นที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้น, อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และมีแนวโน้มเติบโตดีในช่วง 2567 – 2568 ได้แก่ AOT, PTT, KTB
2.หุ้นที่อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และซื้อขายในระดับ Valuation Zone รวมถึงมีแนวโน้มการเติบโตดี ได้แก่ CPALL, SCC, MINT, CRC, HMPRO, SCC
3.หุ้นที่มีน้ำหนักใน SETESG สูงและมีแนวโน้มการเติบโตดี อยู่ใน Theme Data Center ได้แก่ ADVANC, GULF มีโอกาสเป็นเป้าหมาย
4.หุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์ธีมที่ 4 คือหุ้นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลปี 2567-2567 สูงกว่า 5% และอยู่ใน ThaiESG หุ้น อาทิ KBANK, BBL, HMPRO และ INTUCH
พร้อมกันนี้นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด คาดหวังว่าเม็ดเงินเริ่มต้นเข้ากองทุนวายุภักษ์ปีนี้จะสูงเทียบเท่าหรือสูงกว่ากองทุนวายุภักษ์ในปี 2546 ที่เริ่มต้นมีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนผ่านกองทุนวายุภักษ์สูงถึง 7 หมื่นล้านบาท หลักๆ มาจากสถาบันการเงินต่างๆ 5.1 หมื่นล้านบาท และบุคคลทั่วไป 1.5 หมื่นล้านบาท และอื่นๆ อีก 4 หมื่นล้านบาท ส่วนปีนี้คาดมีเม็ดเงินเริ่มต้นไม่น้อยกว่า และทยอยเพิ่มขึ้นเป็นระดับ 1 –1.5 แสนล้านบาท
พร้อมกันนี้ หลังจากกองทุนวายุภักษ์ ปี 2546 เข้ามา 1 เดือน ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้เด่น 19.5% สูงสุดเป็นอันดับ 4 ของโลก หวังว่าครั้งนี้จะช่วยพยุงตลาดหุ้นไทยให้ OUTPERFORM ได้ดีเช่นกัน ส่วนรายอุตสาหกรรมที่ขึ้นเด่น คือ พลังงาน 53%, ปิโตรเคมี 36%, ธนาคาร 32% เป็นต้น
สำหรับกลยุทธ์แนะนำสะสมหุ้นเด่น VAYU PLAY ประกอบไปด้วย หุ้นที่กองทุนวายุภักษ์เดิมถือเยอะ และมี ESG RATING “AAA” อาทิ PTT, KTB, BCP, ADVANC, KBANK, SCC, CPF, CRC, SCGP และ OR
รวมไปถึงหุ้นที่กองทุนวายุภักษ์เดิมถือและมี ESG RATING พร้อมกับมี SENTIMENT สนับสนุนในช่วงนี้ อาทิ หุ้น LAGGARD แนะนำ PTT, SCC, SCGP, IVL, LH หุ้นรับวัฎจักรดอกเบี้ยลง MTC, TISCO, SAWAD หุ้นรับประโยชน์จากราคาน้ำมันปรับลดลง GULF, BGRIM, OR และหุ้นกำไรไตรมาส 3/67 เด่น BCH, PLANB
ดังนั้น ในวันนี้ทางจึงได้ทำการรวบรวมสำรวจและข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นรายตัวที่จะได้รับประโยชน์หรือเม็ดเงินลงทุนจากกองทุนวายุภักษ์ 1 เพื่อเป็นช่องทางและตัวเลือกให้แก่นักลงทุน ที่อาจจะพลาดโอกาสการลงทุนในกองทุนแต่ยังสามารถลงทุนไปตามกระแสดังกล่าวได้
โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโมเมนตัมเป็นขาขึ้น ซึ่งประเมินจะเดินหน้าเข้าสู่ 1,540 จุด ในปลายปีนี้ จากแรงหนุนการเมืองภายในที่ชัดเจน ผลักดันการเติบโตเศรษฐกิจไทยปี 2567 โต 2.4% และปี 2568 โต 2.8-3.0% และแรงหนุนหลักคือเม็ดเงินใหม่กองทุนวายุภักษ์กับThaiESG ปลายปี โดยมองเม็ดเงินที่จะไหลเข้ามาราว 1.2-1.7 แสนล้านบาท คาดจะเข้ามาช่วงที่เหลือของปี 2567
สำหรับกลยุทธ์เน้นลงทุนหุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์ และอยู่ใน ThaiESG ใน 4 กลุ่ม ประกอบไปด้วย
1.หุ้นที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้น, อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และมีแนวโน้มเติบโตดีในช่วง 2567 – 2568 ได้แก่ AOT, PTT, KTB
2.หุ้นที่อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และซื้อขายในระดับ Valuation Zone รวมถึงมีแนวโน้มการเติบโตดี ได้แก่ CPALL, SCC, MINT, CRC, HMPRO, SCC
3.หุ้นที่มีน้ำหนักใน SETESG สูงและมีแนวโน้มการเติบโตดี อยู่ใน Theme Data Center ได้แก่ ADVANC, GULF มีโอกาสเป็นเป้าหมาย
4.หุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์ธีมที่ 4 คือหุ้นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลปี 2567-2567 สูงกว่า 5% และอยู่ใน ThaiESG หุ้น อาทิ KBANK, BBL, HMPRO และ INTUCH
พร้อมกันนี้นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด คาดหวังว่าเม็ดเงินเริ่มต้นเข้ากองทุนวายุภักษ์ปีนี้จะสูงเทียบเท่าหรือสูงกว่ากองทุนวายุภักษ์ในปี 2546 ที่เริ่มต้นมีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนผ่านกองทุนวายุภักษ์สูงถึง 7 หมื่นล้านบาท หลักๆ มาจากสถาบันการเงินต่างๆ 5.1 หมื่นล้านบาท และบุคคลทั่วไป 1.5 หมื่นล้านบาท และอื่นๆ อีก 4 หมื่นล้านบาท ส่วนปีนี้คาดมีเม็ดเงินเริ่มต้นไม่น้อยกว่า และทยอยเพิ่มขึ้นเป็นระดับ 1 –1.5 แสนล้านบาท
พร้อมกันนี้ หลังจากกองทุนวายุภักษ์ ปี 2546 เข้ามา 1 เดือน ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้เด่น 19.5% สูงสุดเป็นอันดับ 4 ของโลก หวังว่าครั้งนี้จะช่วยพยุงตลาดหุ้นไทยให้ OUTPERFORM ได้ดีเช่นกัน ส่วนรายอุตสาหกรรมที่ขึ้นเด่น คือ พลังงาน 53%, ปิโตรเคมี 36%, ธนาคาร 32% เป็นต้น
สำหรับกลยุทธ์แนะนำสะสมหุ้นเด่น VAYU PLAY ประกอบไปด้วย หุ้นที่กองทุนวายุภักษ์เดิมถือเยอะ และมี ESG RATING “AAA” อาทิ PTT, KTB, BCP, ADVANC, KBANK, SCC, CPF, CRC, SCGP และ OR
รวมไปถึงหุ้นที่กองทุนวายุภักษ์เดิมถือและมี ESG RATING พร้อมกับมี SENTIMENT สนับสนุนในช่วงนี้ อาทิ หุ้น LAGGARD แนะนำ PTT, SCC, SCGP, IVL, LH หุ้นรับวัฎจักรดอกเบี้ยลง MTC, TISCO, SAWAD หุ้นรับประโยชน์จากราคาน้ำมันปรับลดลง GULF, BGRIM, OR และหุ้นกำไรไตรมาส 3/67 เด่น BCH, PLANB