จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : รัฐเพิ่ม “รถเมล์ไฟฟ้า” แก้ปัญหามลพิษ หนุนกำไร EA ปี66 แข็งแกร่ง


01 มีนาคม 2566
รัฐบาลประกาศเปิดรถเมล์ไฟฟ้าเพิ่มอีก 2 สายในกทม. ตั้งเป้าปี 66 ขยายครอบคลุม 45 เส้นทาง  หนุนธุรกิจ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) กำไรปีนี้โดดเด่น
รายงานพิเศษ รัฐเพิ่ม รถเมล์ไฟฟ้า แก้ปัญหา010323.jpg
นายอนุชา  บูรพชัยศรี  โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม รับทราบการเปิดให้บริการเดินรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าเพิ่ม 2 สาย ได้แก่ สาย 38 มหาวิทยาลัยรามคำแหง วิทยาเขตบางนา-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และสาย 48 มหาวิทยาลัยรามคำแหง วิทยาเขตบางนา-ท่าช้าง ของบริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด ภายใต้แนวคิด "Thai Smile Change For The Better" เปลี่ยนเพื่อสิ่งที่ดีกว่า อำนวยความสะดวกให้ประชาชนพร้อมแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม
         
โดยในปี 2565 ภาครัฐและภาคเอกชนได้ร่วมมือจัดสรรให้บริการรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าแก่ประชาชนกว่า 1,250 คัน ใน 77 เส้นทาง เพิ่มความสะดวกให้กับประชาชน และในปี 2566 กระทรวงคมนาคมได้ตั้งเป้าหมายให้มีรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าให้บริการประชาชนเพิ่มขึ้นอีก 1,850 คัน เพื่อขยายผลบริการรถโดยสารสาธารณะที่มีคุณภาพ โดยภาคเอกชนมีการพัฒนาคุณภาพบริการรถโดยสารเอกชนจากรถที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลไปเป็นรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า ในอีก 45 เส้นทาง ตั้งเป้าภายในปี 2566 จะมีรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าให้บริการถึง 3,100 คัน 
          
ซึ่งบล.ฟินันเซีย ไซรัสวิเคราะห์หุ้นบริษัท บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) โดยระบุว่า  กำไรในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เป็นปัจจัยผลักดันสำคัญ โดย EA รายงานกำไรสุทธิ 4Q22 อยู่ที่ 2.2พัน ลบ. (-27% q-q, +16% y-y) จากรายได้ที่สูงเกินคาดจำนวน 6.9พัน ลบ. จากกิจการผลิตแบตเตอรี่ใหม่และกิจการผลิตรถโดยสาร กำไรปกติอยู่ที่ 2.1พัน ลบ. (+99% q-q, +12% y-y) สูงกว่าที่ตลาดคาดอยู่ 29% 

โดยมีประเด็นสำคัญประกอบด้วย:
1) รายได้ที่เพิ่มตามฤดูกาล (+22% q-q) จากโรงไฟฟ้าพลังลมขนาด 386MW; 
2) การส่งมอบ e-bus 909 คันใน 4Q22; 
3) ปริมาณการผลิตที่สูงขึ้น 10% q-q จากโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ขนาด 278MW;
4) การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ดีเซลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นไตรมาสแรก;
5) กำไรที่อ่อนแอจากธุรกิจไบโอดีเซลจากความต้องการที่ตกต่ำ; 
6) กำไรพิเศษ  1.8 พัน ลบ. จากการโอนธุรกิจ Smart Bus และเรือโดยสารไฟฟ้า (e-ferry) ให้แก่ Thai Smile 
Bus Co., Ltd. (TSB, not listed) ใน 3Q22 

ธุรกิจโรงไฟฟ้าและ EV ที่อยู่ในเกณฑ์ดีช่วยชดเชยกำไรที่อ่อนลงจากธุรกิจไบโอดีเซล
ใน 4Q22 EA มีรายได้ 6.9พัน ลบ. จากธุรกิจแบตเตอรี่และ EV หลังการส่งมอบ e-bus 909 คันในระหว่างไตรมาส ผู้บริหารคาดว่าจะส่งมอบ e-bus อีกไม่เกิน 2,000 คันและ e-truck อีกไม่เกิน 2,000 คันในปี 2023 ในขณะที่การผลิตเร่งตัวขึ้น ใน 4Q22 ยอดขายไฟฟ้าเพิ่ม q-q จากปริมาณขายไฟฟ้าที่สูงขึ้นเป็น 184GWh (+14% q-q, -16% y-y) จากโรงไฟฟ้าพลังลมและ 160GWh (+6% q-q, +3% q-q) จากโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ ราคาขายเฉลี่ยไฟฟ้าจากโรงงานไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์อยู่ที่ 10.7 บาท/kWh (+10% y-y) และอยู่ที่ 7.2 บาท/kWh (+18% y-y) สำหรับโรงไฟฟ้าพลังลม ยอดขายในธุรกิจไบโอดีเซลลดลง 35% y-y มาอยู่ที่ 25 ล้านลิตรจากการเปลี่ยนสูตรไบโอดีเซลจาก B7 เป็น B5 ในเดือน ก.พ. 2022 ของรัฐฯ

แนวโน้มการเติบโตอยู่ในเกณฑ์ดี
เราคงมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับแนวโน้มกำไรของ EA จาก 5 ปัจจัยผลักดันในปี 2023:
1) ปริมาณขาย e-bus และ e-truck ที่สูงขึ้น;
2) การขยายกำลังการผลิตของโรงผลิตแบตเตอรี่ระยะที่ 1 ขนาด 1GWh เป็น 2GWh ภายในสิ้นปี 2023; 
3) ปริมาณขายที่สูงเกินคาดจากผลิตภัณฑ์ดีเซลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม;
4) การเปิดตัว EV ใหม่ประกอบด้วย MINE Mini  Truck และ MINE Locomotive (100% ภายใต้ MINE Mobility) จากโรงงาน MINE SPA1; 
5) กำลังการผลิตในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังลมที่อาจเพิ่ม 100-200MW จากการประมูลโครงการพลังงานหมุนเวียนขนาด 5.2GW ในประเทศไทยที่กำลังจะเกิดขึ้น  ซึ่งคาดว่าจะประกาศในเดือน มี.ค. 2023

คงแนะนำซื้อที่ราคาเป้าหมาย 108 บาท (SoTP)
เราคงแนะนำซื้อที่ราคาเป้าหมาย 108 บาท (SoTP) ในปี 2023 เราคาดว่า EA จะส่งมอบ e-bus 2,000 คันและ e-truck 2,000 คันผ่าน Nex Point (NEX TB, NR) จากความต้องการ EV ที่อยู่ในระดับสูงในประเทศไทย
EA