Talk of The Town
เกาะติด 4 หุ้นแบงก์-ไฟแนนซ์ ขึ้น XD สัปดาห์นี้ TISCO-BAY-KBANK-TCAP โบรกฯ คาดยิลด์ปันผลกลุ่มเฉลี่ยปีนี้เกิน 5%
10 กันยายน 2567
จากการสำรวจข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่า ในรอบสัปดาห์วันที่ 10-13 กันยายน 2567 จะมีหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มธนาคาพาณิชย์จะขึ้นเครื่องหมาย XD จำนวน 4 แห่งประกอบด้วย
บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) TISCO ประกาศจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 2 บาท โดยจะขึ้นเครื่องหมายวันที่ 10 กันยายน 2567 และมีกำหนดจ่ายปันผลวันที่ 27 กันยายน 2567 และเป็นการจ่ายในรอบผลประกอบการวันที่ 1 มกราคม - 30 มิ.ย. 2567 ซึ่งเป็นเงินปันผลจากกำไรสุทธิ
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) BAY ประกาศจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.40 บาทบาท โดยจะขึ้นเครื่องหมายวันที่ 11 กันยายน 2567 และมีกำหนดจ่ายปันผลวันที่ 26 กันยายน 2567 ซึ่งเป็นเงินปันผลจากกำไรสะสม
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) KBANK ประกาศจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ1.50 บาทโดยจะขึ้นเครื่องหมายวันที่ 11 กันยายน 2567 และมีกำหนดจ่ายปันผลวันที่ 27 กันยายน 2567 ซึ่งเป็นเงินปันผลจากกำไรสะสม
บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) TCAP ประกาศจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ1.25 บาทโดยจะขึ้นเครื่องหมายวันที่ 13 กันยายน 2567 และมีกำหนดจ่ายปันผลวันที่ 16 กันยายน 2567 ซึ่งเป็นเงินปันผลจากกำไรสะสม
ขณะที่บล.พาย ระบุว่า คงน้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาด” หุ้นกลุ่ม BANKING โดย KBANK และ KTB เป็นหุ้นเด่นความเชื่อมั่นในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่มาพร้อมความคาดหวังในการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์เป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นธนาคารฟื้นตัวชัดเจนในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนี SETBANK ลดลงเพียง 0.2% จากต้นปี ทำให้มีโอกาสที่ SETBANK จะปรับสูงขึ้นได้ในปี 67 หลังจากลดลงในปี 65-66
อย่างไรก็ดี ผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอ่อนแอ และคุณภาพสินเชื่อเปราะบางยังเป็นอุปสรรคต่อความสามารถการเติบโตของกำไร ธนาคารระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้า SME และรายย่อยที่มีความเปราะบางทางการเงิน เราคาดว่ากำไรสุทธิรวมจะขยายตัว 3%/5.6% ในปี 67-68 ชะลอตัวจาก 18.9% ในปี 66 และ ROE ทรงตัวที่ 8.8-8.9% ในปี 66-68
อย่างไรก็ดี แม้กำไรมีแนวโน้มเติบโตไม่มาก จุดเด่นของกลุ่มธนาคาร คือ อัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูง 5.5%/5.8% ในปี 67-68 และ Valuation ที่ยังไม่แพง กลุ่มธนาคารซื้อขายที่ 0.6x PBV’24E และ 0.5x PBV’25E ด้านการลงทุน เราคงน้ำหนักการลงทุน "เท่ากับตลาด" เลือก KBANK KTB เป็นหุ้นเด่น และแนะนำ “ซื้อ” BBL CREDIT และ TTB
มาตรการ “กู้ร่วม” ซื้อรถยนต์ส่งผลกระทบจำกัด แต่เป็นเศรษฐกิจฟื้นตัวจะหนุนสินเชื่อฟื้นตัวในครึ่งหลังปี 67
แม้มีมุมมองบวกต่อมาตรการผ่อนคลายเกณฑ์ “การขอกู้ร่วม” ให้รวมรายได้คนในครอบครัวซื้อรถยนต์ได้ เพราะจะช่วยกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อใหม่ในอนาคต แต่ผลกระทบเชิงบวกยังคงจำกัดในปี 67 โดยเราเชื่อว่าผลบวกจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นจากการเบิกจ่ายงบประมาณเป็นปกติ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และการท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยหลักหนุนการฟื้นตัวของสินเชื่อในครึ่งหลังปี 67 หลังจากที่สินเชื่อรวมในครึ่งแรกปี 67 ทำได้แค่ทรงตัวจากสิ้นปี 66
บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) TISCO ประกาศจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 2 บาท โดยจะขึ้นเครื่องหมายวันที่ 10 กันยายน 2567 และมีกำหนดจ่ายปันผลวันที่ 27 กันยายน 2567 และเป็นการจ่ายในรอบผลประกอบการวันที่ 1 มกราคม - 30 มิ.ย. 2567 ซึ่งเป็นเงินปันผลจากกำไรสุทธิ
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) BAY ประกาศจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.40 บาทบาท โดยจะขึ้นเครื่องหมายวันที่ 11 กันยายน 2567 และมีกำหนดจ่ายปันผลวันที่ 26 กันยายน 2567 ซึ่งเป็นเงินปันผลจากกำไรสะสม
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) KBANK ประกาศจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ1.50 บาทโดยจะขึ้นเครื่องหมายวันที่ 11 กันยายน 2567 และมีกำหนดจ่ายปันผลวันที่ 27 กันยายน 2567 ซึ่งเป็นเงินปันผลจากกำไรสะสม
บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) TCAP ประกาศจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ1.25 บาทโดยจะขึ้นเครื่องหมายวันที่ 13 กันยายน 2567 และมีกำหนดจ่ายปันผลวันที่ 16 กันยายน 2567 ซึ่งเป็นเงินปันผลจากกำไรสะสม
ขณะที่บล.พาย ระบุว่า คงน้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาด” หุ้นกลุ่ม BANKING โดย KBANK และ KTB เป็นหุ้นเด่นความเชื่อมั่นในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่มาพร้อมความคาดหวังในการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์เป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นธนาคารฟื้นตัวชัดเจนในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนี SETBANK ลดลงเพียง 0.2% จากต้นปี ทำให้มีโอกาสที่ SETBANK จะปรับสูงขึ้นได้ในปี 67 หลังจากลดลงในปี 65-66
อย่างไรก็ดี ผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอ่อนแอ และคุณภาพสินเชื่อเปราะบางยังเป็นอุปสรรคต่อความสามารถการเติบโตของกำไร ธนาคารระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้า SME และรายย่อยที่มีความเปราะบางทางการเงิน เราคาดว่ากำไรสุทธิรวมจะขยายตัว 3%/5.6% ในปี 67-68 ชะลอตัวจาก 18.9% ในปี 66 และ ROE ทรงตัวที่ 8.8-8.9% ในปี 66-68
อย่างไรก็ดี แม้กำไรมีแนวโน้มเติบโตไม่มาก จุดเด่นของกลุ่มธนาคาร คือ อัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูง 5.5%/5.8% ในปี 67-68 และ Valuation ที่ยังไม่แพง กลุ่มธนาคารซื้อขายที่ 0.6x PBV’24E และ 0.5x PBV’25E ด้านการลงทุน เราคงน้ำหนักการลงทุน "เท่ากับตลาด" เลือก KBANK KTB เป็นหุ้นเด่น และแนะนำ “ซื้อ” BBL CREDIT และ TTB
มาตรการ “กู้ร่วม” ซื้อรถยนต์ส่งผลกระทบจำกัด แต่เป็นเศรษฐกิจฟื้นตัวจะหนุนสินเชื่อฟื้นตัวในครึ่งหลังปี 67
แม้มีมุมมองบวกต่อมาตรการผ่อนคลายเกณฑ์ “การขอกู้ร่วม” ให้รวมรายได้คนในครอบครัวซื้อรถยนต์ได้ เพราะจะช่วยกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อใหม่ในอนาคต แต่ผลกระทบเชิงบวกยังคงจำกัดในปี 67 โดยเราเชื่อว่าผลบวกจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นจากการเบิกจ่ายงบประมาณเป็นปกติ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และการท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยหลักหนุนการฟื้นตัวของสินเชื่อในครึ่งหลังปี 67 หลังจากที่สินเชื่อรวมในครึ่งแรกปี 67 ทำได้แค่ทรงตัวจากสิ้นปี 66