“ภากร” เผยโฟลว์ไหลเข้าหุ้นไทย 2 หมื่นลบ. เป็นแค่จุดเริ่มต้น เชื่อช่วงที่เหลือปีนี้ยังได้เห็นอีก หลังปัจจัยในประเทศดูดี หนุนต่างชาติเชื่อมั่น
ตลท. เผยจากต้นเดือน ก.ย. หุ้นไทยเนื้อหอม มีโฟลว์ไหลเข้ามากว่า 2 หมื่นล้านบาท เชื่อทั้งปีไหลเข้าต่อเนื่อง หลังภาพเศรษฐกิจฟื้นตัว การเมืองชัดเจน และกำไรบริษัทจดทะเบียนโตดี
ดร.ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าทิศทางฟันด์โฟลว์ของนักลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้าตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ต้นเดือนก.ย.ถึงปัจจุบัน สูงถึง 2 หมื่นล้านบาท เป็นเพียงจุดเริ่มต้นหรือการส่งสัญญาณความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ
โดยเราเชื่อว่าจนถึงสิ้นปีฟันด์โฟลว์จะยังไหลเข้าตลาดหุ้นไทยได้ต่อเนื่อง จากปัจจัยในประเทศที่ค่อนข้างดูดีไม่ว่าจะเป็นปัจจัยภาพของเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวได้ดี การเมืองที่มีความชัดเจนมากขึ้นซึ่งจะมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตได้ดียิ่งขึ้น และกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตได้ดีและยังคงแข็งแกร่ง
รวมถึง นโยบายอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯที่มีโอกาสจะปรับลดดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งหากปนปรับลดสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ก็จะทำให้สภาพคล่องทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งตลาดหุ้นกลุ่มกำลังพัฒนารวมถึงไทยก็อาจเป็นเป้าหมายของเม็ดเงินดังกล่าว
ด้านนายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวถึง ภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2567 SET Index ปิดที่ 1,359.07 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 2.9% จากเดือนก่อนหน้าสอดคล้องกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ในภูมิภาค ทำให้เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2566 SET Index ปรับลดลงเหลือเพียง 4% ซึ่งอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่าดัชนีเมื่อเทียบกับสิ้นปี 2566 ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และ กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร
สำหรับเดือนสิงหาคม 2567 มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai ปรับมาอยู่ที่ 46,028 ล้านบาท ลดลง 21.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า แต่ปรับเพิ่มขั้น 21.1% จากเดือนที่แล้ว ทำให้ 8 เดือนแรกของปี 2567 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน อยู่ที่ 44,404 ล้านบาท ลดลง 22.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วน Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้น เดือนส.ค. 67 อยู่ที่ระดับ 14.9 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 12.9 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 16.4 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 15.1 เท่า และอัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือน ส.ค. 67 อยู่ที่ระดับ 3.50% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 3.16%
ด้านภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เดือนส.ค. 67 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 498,404 สัญญา เพิ่มขึ้น 31.2% จากเดือนก่อน ที่สำคัญจากการเพิ่มขึ้นของ SET50 Index Futures และ Single Stock Futures และในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2567 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 444,557 สัญญา ลดลง 18.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่สำคัญจากการลดลงของ Single Stock Futures และ SET50 Index Futures
ทั้งนี้ นอกจากปัจจัยภายนอกที่เอื้อต่อการเติบโตของ SET Index แล้ว ในส่วนของปัจจัยภายในประเทศยังมีปัจจัยบวกที่ส่งเสริมความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน อาทิ การเมืองไทยที่มีความชัดเจนมากขึ้นหลังมีการเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ ตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่รายงานออกมาเข้มแข็งกว่าที่นักวิเคราะห์คาด
รวมถึงผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนไทยในไตรมาส 2/67 ที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ บริษัทจดทะเบียนไทยหันมาใช้การซื้อหุ้นคืนเป็นเครื่องมือในการบริหารสภาพคล่องของบริษัทอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการซื้อหุ้นคืนยังช่วยส่งสัญญาณให้ผู้ลงทุนทราบว่าผู้บริหารมีความมั่นใจว่าราคาหุ้นในปัจจุบันถูกประเมินต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานที่แท้จริงของบริษัทและกระตุ้นความต้องการซื้อหุ้นในตลาด
อีกทั้งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะมีสภาพคล่องไหลเข้าตลาดหุ้นไทยเพิ่มในช่วงที่เหลือของปี หลังจากคณะรัฐมนตรีเห็นชอบการปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทยในกองทุน Thai ESG และความชัดเจนในการออกขายกองทุนวายุภักษ์ 1 ที่มีการรับประกันผลตอบแทนขั้นต่ำ ซึ่งจะดึงดูดความสนใจผู้ลงทุนและสามารถช่วยส่งเสริมความเชื่อมั่นโดยรวมในตลาดทุน