Wealth Sharing
รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ลุ้นประชาชนได้ใช้ในปี 68 โบรกฯ มอง BTS-BEM รับผลบวก!
11 กันยายน 2567
จากกรณีรัฐบาลเดินหน้านโยบาย รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เพื่อให้ทันบังคับใช้ในเดือน ก.ย. 68 นักวิเคราะห์คาดหากมีการบังคับใช้ใน รถไฟฟ้าสายหลักเช่น สายสีเขียวและสีน้ำเงิน มีโอกาสกระตุ้นให้ผู้โดยสารเพิ่มขึ้นได้
โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินเป็นประเด็นที่น่าติดตามในสัปดาห์หน้าเนื่องจากการเสนอ พ.ร.บ. เป็นการเดินหน้านโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายให้ทันบังคับใช้ภายใน ก.ย. 68 พ.ร.บ. ตั๋วร่วม จะทำให้กระทรวงคมนาคมสามารถจัดตั้งกองทุนเพื่อระดมเงินมาชดเชยส่วนต่างค่าโดยสารให้เอกชนผู้รับสัมปทาน
ส่วน พ.ร.บ. การขนส่งทางราง จะทำให้รัฐมีอำนาจกำหนดให้เอกชนผู้รับสัมปทานใหม่ต้องเข้าร่วมนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
ในอดีตนโยบายค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายมีการใช้กับ สายสีแดง และสีม่วง ซึ่งเห็นจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น ประเมินหากมีการบังคับใช้ในสายหลักเช่น สายสีเขียวและ สีน้ำเงิน มีโอกาสกระตุ้นให้ผู้โดยสารเพิ่มขึ้นได้
สำหรับแผนการซื้อคืนสัมปทาน จะมีการจัดตั้งกองทุนแยกออกมาโดยกระทรวงการคลังจะเป็นผู้พิจารณาแหล่งเงิน คาดเห็นรายละเอียดมากขึ้นหลังรัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเรียบร้อยแล้ว
แนวคิดเดิมที่จะจัดตั้ง Infrastructure Fund เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจราจรหนาแน่น (Congestion charge) เพื่อซื้อคืนจะมีการศึกษา คาดใช้เวลาราว 6 เดือน
โดยประเมิน BEM จะได้ประโยชน์จากการซื้อคืนสัมปทานมากที่สุด เนื่องจากสัญญาสัมปทานปัจจุบันของ BEM ได้แก่สายสีน้ำเงินและสีส้ม มีระยะเวลาเหลืออีกหลายปี ทำให้คาดมูลค่าซื้อคืนจะสูงกว่าสายอื่น
ทั้งนี้ หากมีการซื้อคืน BEM จะยังคงเป็นผู้เดินรถโดยเปลี่ยนสัญญาเป็น PPP Gross Cost ทำให้มีรายได้ O&M ที่เป็นรายได้สม่ำเสมอและจะช่วยลดความเสี่ยงเรื่องจำนวนผู้โดยสาร โดยเฉพาะสายสีส้มที่มีโอกาสต่ำคาดตอนเริ่มเปิดให้บริการ
ส่วน BTS จะได้ประโยชน์จากการซื้อคืนเช่นกัน เนื่องจาก สายสีเขียวเหลือเวลาสัมปทานอีก 5 ปี ในขณะที่ บริษัทจะไม่ต้องรับรู้ผลขาดทุนจากสายสีเหลืองและชมพู หากเป็นผู้เดินรถที่รับรายได้ O&M
ดังนั้นคงคำแนะนำ “ซื้อ” BEM ราคาเป้าหมาย 11.60 บาท/หุ้น ราคาหุ้นปัจจุบันยัง Laggard เทียบ SET และ SET50 ที่ปรับตัวขึ้นมา เชิงพื้นฐานยังแข็งแกร่งตามธุรกิจหลักที่เติบโตต่อเนื่อง เบื้องต้นคาดกำไรปกติไตรมาส 3/67 มีโอกาสทำจุดสูงสุดใหม่จากจำนวนผู้ใช้สายสีน้ำเงินที่เป็น High Season
โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินเป็นประเด็นที่น่าติดตามในสัปดาห์หน้าเนื่องจากการเสนอ พ.ร.บ. เป็นการเดินหน้านโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายให้ทันบังคับใช้ภายใน ก.ย. 68 พ.ร.บ. ตั๋วร่วม จะทำให้กระทรวงคมนาคมสามารถจัดตั้งกองทุนเพื่อระดมเงินมาชดเชยส่วนต่างค่าโดยสารให้เอกชนผู้รับสัมปทาน
ส่วน พ.ร.บ. การขนส่งทางราง จะทำให้รัฐมีอำนาจกำหนดให้เอกชนผู้รับสัมปทานใหม่ต้องเข้าร่วมนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
ในอดีตนโยบายค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายมีการใช้กับ สายสีแดง และสีม่วง ซึ่งเห็นจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น ประเมินหากมีการบังคับใช้ในสายหลักเช่น สายสีเขียวและ สีน้ำเงิน มีโอกาสกระตุ้นให้ผู้โดยสารเพิ่มขึ้นได้
สำหรับแผนการซื้อคืนสัมปทาน จะมีการจัดตั้งกองทุนแยกออกมาโดยกระทรวงการคลังจะเป็นผู้พิจารณาแหล่งเงิน คาดเห็นรายละเอียดมากขึ้นหลังรัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเรียบร้อยแล้ว
แนวคิดเดิมที่จะจัดตั้ง Infrastructure Fund เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจราจรหนาแน่น (Congestion charge) เพื่อซื้อคืนจะมีการศึกษา คาดใช้เวลาราว 6 เดือน
โดยประเมิน BEM จะได้ประโยชน์จากการซื้อคืนสัมปทานมากที่สุด เนื่องจากสัญญาสัมปทานปัจจุบันของ BEM ได้แก่สายสีน้ำเงินและสีส้ม มีระยะเวลาเหลืออีกหลายปี ทำให้คาดมูลค่าซื้อคืนจะสูงกว่าสายอื่น
ทั้งนี้ หากมีการซื้อคืน BEM จะยังคงเป็นผู้เดินรถโดยเปลี่ยนสัญญาเป็น PPP Gross Cost ทำให้มีรายได้ O&M ที่เป็นรายได้สม่ำเสมอและจะช่วยลดความเสี่ยงเรื่องจำนวนผู้โดยสาร โดยเฉพาะสายสีส้มที่มีโอกาสต่ำคาดตอนเริ่มเปิดให้บริการ
ส่วน BTS จะได้ประโยชน์จากการซื้อคืนเช่นกัน เนื่องจาก สายสีเขียวเหลือเวลาสัมปทานอีก 5 ปี ในขณะที่ บริษัทจะไม่ต้องรับรู้ผลขาดทุนจากสายสีเหลืองและชมพู หากเป็นผู้เดินรถที่รับรายได้ O&M
ดังนั้นคงคำแนะนำ “ซื้อ” BEM ราคาเป้าหมาย 11.60 บาท/หุ้น ราคาหุ้นปัจจุบันยัง Laggard เทียบ SET และ SET50 ที่ปรับตัวขึ้นมา เชิงพื้นฐานยังแข็งแกร่งตามธุรกิจหลักที่เติบโตต่อเนื่อง เบื้องต้นคาดกำไรปกติไตรมาส 3/67 มีโอกาสทำจุดสูงสุดใหม่จากจำนวนผู้ใช้สายสีน้ำเงินที่เป็น High Season