หุ้นกลุ่มกองรีท กำลังถูดพุดถึงในแวดวงการลงทุน ล่าสุด คือ อีกหนึ่งเป้าหมายการลงทุนของกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง โดยหนึ่งในนโยบายการลงทุน พบว่ามีกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ตราสารทุนที่มีรายชื่ออยู่ใน SET100 อื่นที่มีอัตราผลตอบแทนสูงหรือมีแนวโน้มเติบโตสูง
แต่ต้องเป็นหลักทรัพย์ที่มีสภาพคล่องและมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มองหุ้น Top Pick คือ LHHOTEL และFTREIT
ขณะที่นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกลุ่ม PF&REITs, IFF ที่มีสภาพคล่องสูง ได้แก่ CPNREIT,DIF,TFFIF
ส่วนนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า หุ้นกลุ่ม REIT & IFF ปรับตัวขึ้นเด่น เนื่องจากให้ Yield ในระดับสูง 7-8% ต่อปี และความคาดหวังเชิงบวกว่ามีโอกาสได้เม็ดเงินจากกองทุนวายุภักษ์ ตัวที่ประเมินว่าน่าสนใจ ได้แก่ CPNREIT, 3BBIF, BAREIT, LHHOTEL
วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
LHHOTEL นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ระบุว่า ยังคงคําแนะนํา OUTPERFORM สำหรับ LHHOTEL และคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 15 บาท/หน่วย ชอบ LHHOTEL เพราะเหตุผล 3 ประการ คือ 1.ทรัพย์สินทุกโครงการมีผลการดําเนินงานที่แข็งแกร่ง
2. อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลน่าสนใจในปี 2567 คาดการณ์เงินปันผลที่ 1.16 บาท/หน่วย คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 9.7% และ 3. LHHOTEL จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว
ส่วน FTREIT นักวิเคราะห์ค่ายดังกล่าว ระบุว่า ยังคงชอบ FTREIT เนื่องจาก 1. อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลน่าสนใจที่ 7.1% ในปี 2568 2.แนวโน้มเป็นบวกซึ่งสะท้อนให้เห็นจาก FDI และการขอ BOI ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศจีน
และ 3.คาดว่าเฟดจะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลงภายในปีนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยกระตุ้นราคาหน่วยทรัสต์ ยังคงคำแนะนำ OUTPERFORM สำหรับ FTREIT โดยปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นจาก 11 บาท/หน่วย เป็น 12.5 บาท/หน่วย
ขณะที่ CPNREIT นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า CPNREIT เป็น REIT ค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย คาดกำไรธุรกิจหลักจะเติบโตที่ 4% ต่อปี CAGR ใน 3 ปีข้างหน้าและคาดเงินปันผลต่อหน่วยที่1.06-1.12 บาท อัตราผลตอบแทนน่าสนใจที่ 9.3-9.8% สนับสนุนจากการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งและการปรับขึ้นค่าเช่าได้ดี ประเมินมูลค่ากองทรัสต์ที่ 12.50 บาท/หน่วย แนะนำ Trading BUY
ด้าน DIF นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ระบุว่า ปรับคำแนะนำขึ้นจาก NEUTRAL สู่ OUTPERFORM โดยให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568 ที่ 10.5 บาท/หน่วย มีมุมมองเชิงบวกต่อ DIF หลังจากพบว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรกำลังจะเปลี่ยนทิศทางเป็นขาลง ซึ่งเป็นผลดีต่อ DIF โดยคาดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ประเมินได้อยู่ในระดับที่ดีที่ 11.5% ในปี 2567
และราคาหน่วยลงทุน DIF ปรับขึ้นช้ากว่ากลุ่ม REIT ในขณะที่อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 8.6% นอกจากนี้ยังมองว่าความเสี่ยงที่ TRUE(ถือ DIF อยู่ 20.6%) จะขายหน่วยลงทุน DIF ออกมาอีกนั้นอยู่ในระดับตํ่า เนื่องจากสถานะทางการเงินของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนหลังจากควบรวมกิจการ
ด้าน TFFIF นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า แนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐาน 7 บาท โดยกองทุนไม่มีหนี้สินที่ต้องจ่ายดอกเบี้ย และมีฐานะเป็นเงินสดสุทธิ คาดการณ์อัตราผลตอบแทนของเงินปันผลรอบปี 2568 (ต.ค.67-ก.ย.68) ไว้ที่ 7.4% และประเมิน IRR ของกองทุนไว้ที่ 8.6%
ส่วน 3BBIF นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 8.30 บาท เนื่องจาก รายได้มีเสถียรภาพจากสัญญาระยะยาวถึงปี 2581 คาดตั้งแต่ปี 2571 กองทุนฯ จะกลับมาจ่ายผลตอบแทนในรูปเงินปันผล และมี Catalyst บวกจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จากปัจจุบันอิง MLR ที่ 7.1%
และ คงประมาณการปี 2567 คาดกำไรจากการลงทุน 6,037 ล้านบาท ลดลง 24% จากปีก่อน และคาดจ่ายผลตอบแทนเงินคืนทุนรวมหน่วยละ 0.60 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 11%
ปิดท้ายที่ BAREIT หรือ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์สนามบินการบินกรุงเทพ ลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง และส่วนควบของทรัพย์สินบางส่วนที่ใช้ในการดำเนินงานสนามบิน ภายในโครงการสนามบินสมุย ปัจจุบันยังไม่มีบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน