BGRIM เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ คาดเปิดจองซื้อ 14-15 และ 18-19 พ.ย.
บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ผู้ผลิตไฟฟ้าอุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศไทย ซึ่งดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมและโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนทั้งในประเทศและต่างประเทศรวมทั้งหมด 63 โครงการ เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ครั้งที่ 1/2567 คาดอัตราดอกเบี้ยในช่วง 5 ปีแรกคงที่ [5.75 - 5.95]% ต่อปี (โดยจะประกาศอัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนให้ทราบอีกครั้ง) กำหนดชำระดอกเบี้ยทุก ๆ 6 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ โดยผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิเลื่อนการชำระดอกเบี้ยพร้อมกับสะสมดอกเบี้ยจ่ายไปชำระในวันใดก็ได้ให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้ โดยไม่จำกัดระยะเวลาและจำนวนครั้งตามดุลยพินิจของผู้ออกหุ้นกู้แต่เพียงผู้เดียว อัตราดอกเบี้ยจะปรับทุก ๆ 5 ปี อ้างอิงจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ราคาเสนอขายอยู่ที่หน่วยละ 1,000 บาท จองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท คาดว่าจะเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 14-15 และ 18-19 พฤศจิกายน 2567
โดย BGRIM ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ อยู่ที่ระดับ “A” แนวโน้ม “คงที่” และอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ที่เสนอขายในครั้งนี้อยู่ที่ระดับ “BBB+” โดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2567 สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นคง ศักยภาพและความแข็งแกร่งของบริษัทฯ
สำหรับการเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินไปใช้สำหรับชำระคืนหนี้หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ครั้งที่ 1/2562 ที่ผู้ออกหุ้นกู้สามารถใช้สิทธิในการไถ่ถอนได้ เมื่อถึงวันครบอายุ 5 ปี ซึ่งจะตรงกับในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2567 ซึ่งหุ้นกู้ดังกล่าวมีจำนวนทั้งสิ้น 8,000 ล้านบาท
ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บี.กริม เพาเวอร์ ได้ประกาศยุทธศาสตร์ GreenLeap ที่พลิกโฉมการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ใหม่ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อมุ่งสู่การเติบโตอย่างต่อเนื่อง ก้าวสู่การเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลก และผู้นำด้านการพัฒนา ด้านพลังงานที่ยั่งยืนและปลอดภัย โดยยังคงยึดมั่นบนพื้นฐานของการดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี ภายใต้ยุทธศาสตร์นี้จะควบคู่ไปกับจุดแข็งของบริษัทฯ ประกอบด้วย ความสามารถในการสร้างโอกาสทางธุรกิจ การเป็นพันธมิตรที่ดีและได้รับความไว้วางใจ ความสามารถในการพัฒนาและบริหารโครงการ การจัดหาแหล่งเงินทุน เพื่อรองรับการเติบโตด้วยต้นทุนที่เหมาะสม และความพร้อมทางด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายของการเป็นผู้ผลิตพลังงานชั้นนำระดับโลกและบรรลุเป้าหมายก้าวสู่องค์กรที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net-Zero Carbon Emissions ภายในปี ค.ศ.2050 (ปี พ.ศ. 2593)
บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมายาวนานถึง 146 ปี โดยปัจจุบัน เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (มาร์เก็ตแคป) กว่าห้าหมื่นห้าพันล้านบาท โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายในการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจาก 4,051 เมกะวัตต์ ณ สิ้นเดือน กรกฎาคม 2567 เป็น 10,000 เมกะวัตต์ ในปี 2573 จากการลงทุนโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ และเน้นการลงทุนพลังงานหมุนเวียนเป็นหลัก ณ ปัจจุบัน บริษัทฯอยู่ระหว่างการแสวงหาการลงทุนโรงไฟฟ้าใหม่เพิ่มเติมในหลายประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น เวียดนาม มาเลเซีย เกาหลี ญี่ปุ่น จีน ตะวันออกกลางอย่างซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอเมริกา และประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมทั้งยุโรป เพื่อกระจายความเสี่ยงจากต้นทุนพลังงาน
บริษัทฯ ยังได้รับการยอมรับจากผู้ประเมินความยั่งยืน ทั้งในระดับประเทศและในระดับสากล โดยได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทที่มีความยั่งยืนในระดับ Top 10% ของอุตสาหกรรมสาธารณูปโภคไฟฟ้า (Electric Utilities) ซึ่งเป็นบริษัทเดียวในภูมิภาคเอเชียจาก S&P Global ใน The Sustainability Yearbook 2024 ปีที่ 2 ติดต่อกัน ตลอดจนเป็นสมาชิก FTSE4Good Index Series และได้รับการประเมิน SET ESG Ratings ระดับสูงสุด AAA ประจำปี 2566 พร้อมครองอันดับหุ้นยั่งยืนปีที่ 6 ปีติดต่อกัน โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมถึง MSCI ESG Rating ระดับ BBB นอกจากนี้ยังได้รับคะแนนในโครงการสำรวจและติดตามพัฒนาการด้านการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทย (Corporate Governance Report of Thai Listed Companies: CGR) ในระดับดีเลิศ (ห้าดาว) ติดต่อกันเป็นปีที่ 4 โดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี
สำหรับหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ของ บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ คาดว่าจะเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไประหว่างวันที่ 14-15 และ 18-19 พฤศจิกายน 2567 ผ่าน 9 สถาบันการเงินชั้นนำทั่วประเทศ ได้แก่
- ธนาคารกรุงเทพ (ยกเว้นสาขาไมโคร) (โทร.1333 หรือจองซื้อผ่านแอปพลิเคชั่น Bangkok Bank Mobile Banking)
- ธนาคารกรุงไทย (โทร. 02-111-1111) โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Money Connect by Krungthai บนแอปพลิเคชัน Krungthai Next
- ธนาคารกสิกรไทย (โทร 02-888-8888 กด 869) และรวมถึง บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารไทยพาณิชย์ (โทร. 02-777-6784) หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอป SCB EASY และรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
- ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (โทร.02-626-7777)
- บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร ซึ่งรวมถึงธนาคารเกียรตินาคินภัทร ในฐานะหน่วยงานขายของบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร (โทร. 02-165-5555)
- บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (โทร.02-680-4004)
- บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด (โทร. 02-695-5000)
- บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด (โทร. 02-009-8351-56)
โดยธนาคารกรุงศรีอยุธยา เป็นนายทะเบียนหุ้นกู้ และผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้
ทั้งนี้ ปัจจุบัน บริษัทฯ อยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งยังไม่มีผลบังคับใช้ สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากร่างหนังสือชี้ชวน https://market.sec.or.th/public/ipos/IPOSDE01.aspx?TransID=641752