Wealth Sharing

ปี 68 หุ้นไทยแตะ 1,620 จุด โบรกฯ ชี้มีปัจจัยผลักดันให้ตลาดไปต่อ จับตาวายุภักษ์หนุนดัชนียืน 1,480 จุด


12 กันยายน 2567
ความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาได้ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง ก่อนที่จะเริ่มมีการพักตัวหรือปรับตัวย่อลงมาบ้างในวันที่ 11 ก.ย. ที่ผ่านมา แต่คำถามสำคัญก็คือตลาดหุ้นไทยจะยังไปต่อได้หรือไม่ ในวันนี้เราจึงมีมุมมองจากผู้เชี่ยวชาญมาแบ่งกันในครั้งนี้

ปี 68 หุ้นไทยแตะ 1,620 จุด_WS (เว็บ)_0.jpg

โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยพุ่งขึ้น 11% ในเวลาเพียง 1 เดือน แต่เป็นการปรับตัวขึ้นจากระดับตํ่ามากที่ 1,274 จุด ซึ่งตํ่ากว่าจุดสูงสุดในปี 2565 ที่ 1,713 จุด ถึง 26% โดยปัจจัยผลักดัน ได้แก่ ความกังวลทางการเมืองที่ลดลงหลังนายกรัฐมนตรีคนใหม่เข้ารับตำแหน่งและการจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ 1.5 แสนล้านบาท เพื่อสนับสนุนตลาดหุ้น 

นอกจากนี้ ตลาดน่าจะยืนได้ด้วยปัจจัยพื้นฐาน 3 ประการได้แก่ นโยบายการคลังเริ่มผ่อนคลายตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2567 การผ่านงบประมาณปี 25685 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และการสิ้นสุดรอบการปรับลดคาดการณ์กำไรของบริษัท

โดยอัตราส่วนกำไรที่พลาดเป้า (earnings-miss ratio) ลดลงจากจุดสูงสุด 37% ใน ไตรมาส 3/66 เหลือ 28% ในไตรมาส 2/67 อัตราส่วนนี้สำหรับหุ้นใหญ่และผู้นำกลุ่มอุตสาหกรรมดูดีขึ้นมาก โดยลดลงจาก 33% ในไตรมาส 3/66 เหลือ 17% ในไตรมาส 2/67 โดย earnings-miss ratio ตํ่ากว่าอัตราส่วนกำไรที่ดีกว่าเป้า (earnings-beat ratio) ที่ 40% ในไตรมาส 2/67 เราคาดว่ากำไรของตลาดจะเติบโต 10/13% (หรือ 18/15% หากไม่รวมกลุ่มพลังงาน) ในปี 2567-2568

อย่างไรก็ดี ยังคงมุมมองต่อตลาดหุ้นไทยเหมือนเดิม ซึ่งเศรษฐกิจไทยใน 2 ปีที่ผ่านมาโดนฉุดรั้งโดยนโยบายการคลังและการเงินที่ตึงตัวพร้อมๆกัน จึงมองว่านโยบายการคลังเริ่มผ่อนคลายแล้วในครึ่งปีหลังปี 67 และจะตามมาด้วยการผ่อนคลายสภาวะการเงินในครึ่งปีแรกปี 68 สำหรับปัจจัยผลักดันที่รออยู่ ประกอบไปด้วย 

1.การแจกเงินสด 1.45 แสนล้านบาท ซึ่งจะเริ่มในเดือนกันยายนนี้ 

2.การเริ่มใช้จ่ายงบประมาณปี 2568 (สูงกว่างบประมาณปี 2567 ราว 4.2%) ในเดือนต.ค. 

3.การเริ่มต้นการลงทุนของกองทุนวายุภักษ์และเงินไหลเข้ากองทุน ESG ในไตรมาส 4/67 

4.ฤดูท่องเที่ยวที่เข้าใกล้ระดับสูงสุดของปี 2562 ในไตรมาส 4/67-1/68 

5.การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือนธ.ค.และนโยบายการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดน้อยลงของสถาบันการเงินในปีหน้า

6.การเติบโตของ GDP ที่เพิ่มขึ้นทุกๆ ไตรมาส 

7.เงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่ยังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลเพิ่มการส่งออกในอนาคต

ทั้งนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยพลิกกลับเร็วกว่าที่คาดไว้ เกือบแตะเป้าหมายสิ้นปีของเราที่ 1,450 จุด สะท้อนความคาดหวังของการลงทุนของกองทุนวายุภักษ์ 1.5 แสนลบ. และช่วงการลงทุนของกองทุน ESG เพื่อลดหย่อนภาษีในไตรมาส 4/67 โดยเป้าหมายต่อไปของเราคือ SET สิ้นปี 2568 อยู่ที่ 1,620 จุด โดยคาดว่า SET จะยังซื้อขายที่ PE ที่ 16.5 เท่า ในปีหน้า ด้วยเพิ่มขึ้นตามคาดการณ์การเติบโตของกำไรปี 2568 ของเราที่ 12.5% 

สำหรับ SET ปัจจุบันซื้อขายที่ 2567 บน PE ที่ 16.3 เท่า ซึ่งอยู่ในกรอบล่างของ PE ในช่วง 10 ปีก่อนที่ 16-22 เท่า ส่วนเป้าหมายปลายปี 2567 นี้ หากพิจารณาที่ปัจจัยฟื้นฐาน ควรอยู่ที่ 1,450 จุด อย่างไรก็ตามเนื่องจากกองทุนวายุภักษ์จึงให้พรีเมียมแก่ SET โดยตั้งเป้าไว้ที่ 1,480 จุด