"เซียนฮง" โผล่ถือหุ้น CCET-KLINIQ ขึ้นแท่นผู้ถือหุ้นใหญ่ TOP 5 หุ้น CCET ราคาหุ้นรอบ 8 เดือนทะยานกว่า 80%
ในช่วงเดือนกันยายน 2567 บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเริ่มกลับมามีทิศทางที่ดีขึ้น หลังการเมืองเดินหน้าได้ ซึ่งหุ้นขนาดใหญ่มีแรงซื้อเข้ามาอย่างคึกคัก
จากการสำรวจข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในส่วนพอร์ตลงทุนของ"สถาพร งามเรืองพงศ์" หรือเซียนฮง ซึ่งเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่รู้จักกันดี โดยปัจจุบันมีพอร์ตลงทุนในหุ้นจำนวน 18 บริษัท
BE8 จำนวน 20,141,760 หุ้น คิดเป็น 7.61% BVG 4,185,600 หุ้น คิดเป็น 0.93% CCET 132,320,700 หุ้น คิดเป็น 1.27%
CHAO 6,050,000 หุ้น คิดเป็น 2.02 % DITTO 42,039,404 หุ้น คิดเป็น 6.06 % KLINIQ 4,591,300 หุ้น คิดเป็น 2.09 %
LTS 4,000,000 หุ้น คิดเป็น 1.94 % MALEE 25,001,400 หุ้น คิดเป็น 4.58 % MICRO 24,357,300 หุ้น คิดเป็น 2.61 %
MOSHI 2,209,200 หุ้น คิดเป็น 0.67 % NEO 6,000,000 หุ้น คิดเป็น 2 % PROUD 11,000,000 หุ้น คิดเป็น 1.13 %
ROJNA 22,606,500 หุ้น คิดเป็น 1.12 % STA 21,569,800หุ้น คิดเป็น 1.4 % TAN 1,719,400 หุ้น คิดเป็น 0.57 %
TEAMG 41,232,080 หุ้น คิดเป็น5.04 % TKN 19,768,200 หุ้น คิดเป็น1.43 % TRP 4,200,000 หุ้น คิดเป็น 1.2 %
ทั้งนี้จากข้อมูลข้างต้น เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับสมุดทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้นในครั้งก่อน พบว่า เซียนฮง ได้เข้ามาถือ 2 หุ้นได้แก่ หุ้นCCET และหุ้นKLINIQ จากเดิมไม่ปรากฎการถือหุ้นมาก่อน
ขณะเดียวกันยังพบว่า เซียนฮง ได้เข้ามาลงทุนซื้อหุ้นCCET จำนวนสูงถึง 132,320,700 หุ้น คิดเป็น 1.27% และกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับที่ 5 ในทันที
สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ของCCET 5 อันดับแรก ล่าสุด ณ วันที่ 29 สิงหาคม 2567 ดังนี้ KINPO ELECTRONICS. INC. 5,223,956,415 หุ้น คิดเป็น 49.99% FAR EASTERN INTERNATIONAL BANK 1,655,366,936 หุ้น คิดเป็น 15.84% KGI ASIA LIMITED 1,590,051,989 หุ้น คิดเป็น 15.22% นาย วิทิต พงศ์พิโรดม 236,350,200 หุ้น คิดเป็น 2.26% นาย สถาพร งามเรืองพงศ์ 132,320,700 หุ้น คิดเป็น 1.27%
ส่วนการเคลื่อนไหวราคาหุ้น CCET ในรอบ 8 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปราว 80.77% จากราคา 2.10 บาท มาอยู่ที่ 3.76 บาท
ด้านบล.เคจีไอ (ประเทศไทย)ระบุว่า แนะนำ `ซื้อ`CCET ราคาเป้าหมาย 5.10 บาท เนื่องจากประชุมนักวิเคราะห์ ปรับปรุงประมาณการฯ ปรับไปใช้เป้าหมายปี 2568
ปรับสมมติฐานและเพิ่มประมาณการกำไรปี 2567 - 2568
กำไรไตรมาส 2/67 ของ CCET เติบโตสอดคล้องกับความคาดหมาย แต่รายการทางบัญชีแตกต่างจากที่คาดการณ์ไว้ จากข้อมูลในการประชุมนักวิเคราะห์ เราได้ปรับปรุงสมมติฐานดังนี้ 1) ลดประมาณการรายได้ปี 2567 – 68 ลง 5% และ 1.5% เหลือ 14.6 พันล้านบาท และ 15.8 พันล้านบาท ตามลำดับ
คาดว่ารายได้จะฟื้นตัวต่อเนื่องในครึ่งแรกของปี 67 เนื่องจากการ Restock ทั่วโลกและการเพิ่มสัดส่วนการผลิตสินค้าใหม่ที่มีอัตรากำไรสูง อย่างไรก็ตาม ประมาณการก่อนหน้านี้ของเราประเมินโรงงานใหม่ในจังหวัดเพชรบุรีสูงเกินไป เนื่องจากโรงงานจะเริ่มการทดสอบการผลิตในไตรมาส 4/67 และเริ่มการผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 68
2) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารในไตรมาส 2/67 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเป็น 1.1 พันล้านบาท (จาก 760 ล้านบาทในไตรมาส 1/67) หลังจากสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 3.05% ในไตรมาส 2/67 จาก 2.4% ในไตรมาส 1/67 คาดว่าค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจะคงอยู่ที่ 1 พันล้านบาทต่อไตรมาสในครึ่งหลังปี 67 และปี 2568 เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการวิจัยพัฒนาและการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่
3) ปรับลดดอกเบี้ยรับสุทธิ (ดอกเบี้ยรับ - ดอกเบี้ยจ่าย) เหลือ 89 ล้านบาท (จาก 234 ล้านบาทในไตรมาส 1/67) เนื่องจากการชำระคืนเงินกู้เร็วกว่าที่คาด โดยเงินกู้ระยะยาวลดลงจาก 11.3 พันล้านบาทในไตรมาส 1/67 เหลือ 8.5 พันล้านบาทในไตรมาส 2/67
อย่างไรก็ตาม เราตั้งสมมติฐานอย่างระมัดระวังว่าต้นทุนทางการเงินจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในครึ่งหลังปี 67 เป็นราว 150 ล้านบาทต่อไตรมาส จาก 89 ล้านบาทในไตรมาส 2/67 เนื่องจากคาดจะมีรายจ่ายลงทุนสำหรับโรงงานใหม่
4) เรายังคงสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นที่ 5.49% ในปีไตรมาส 1/67 และ 5.55% ในปีไตรมาส 1/68 โดยรวมแล้ว เราได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 – 68 ขึ้น 11% และ 20% เป็น 2.6 พันล้านบาท และ 3.2 พันล้านบาท ตามลำดับ
ความตึงเครียดทางการค้าเป็นโอกาส
สงครามการค้าและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่าง “สหรัฐฯ-จีน” รวมทั้ง “จีน-ไต้หวัน” จะทำให้เกิดการเร่งการย้ายฐานการผลิตมาไทยและประเทศอื่นๆ โดย CCET เริ่มได้รับประโยชน์จากแนวโน้มนี้แล้ว ล่าสุดมีลูกค้ารายใหญ่ 2 ราย จากจีนและเวียดนาม กำลังจะย้ายการผลิตมายังโรงงานแห่งใหม่ของ CCET เพื่อกระจายความเสี่ยงความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์
นอกจากนี้ ธุรกิจ EV charger ที่เป็นสินค้าใหม่ของ CCET คาดจะได้รับประโยชน์จากมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่าง สหรัฐฯ-จีน เนื่องจากล่าสุดทางการสหรัฐฯใช้มาตรการทางภาษีกับค่ายรถ EV จีน ขณะที่ลูกค้าของ CCET เป็นผู้ผลิต EV charger รายใหญ่ที่สหรัฐฯ (ส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ในสหรัฐฯ)
การผลิตสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงจะขับเคลื่อนกำไร
อัตรากำไรขั้นต้นของ CCET เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในไตรมาส 1/67 และไตรมาส 2/67 ตามคาด เนื่องจากบริษัทลดสัดส่วนสินค้าที่มีอัตรากำไรต่ำ (โดยเฉพาะ HHDs) และเพิ่มสัดส่วนสินค้าใหม่ที่มีอัตรากำไรสูงขึ้น อย่างไรก็ดีเรายังคงสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นแบบอนุรักษ์นิยมไว้ โดยคาดอัตรากำไรขั้นต้นในในครึ่งหลังปี 67 จะทรงตัวที่ราว 5.5% ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยในครึ่งแรกปี 67 และแนวโน้มจะทยอยปรับสูงขึ้นในปี 2568 หลังจากสัดส่วนการผลิตสินค้าใหม่เริ่มทยอยเพิ่มขึ้น
Valuation & action
เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" โดย EV/EBITDA ที่ 6.8 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต -0.5 S.D. ในขณะที่กำไรปี 2567 -2568 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เราปรับราคาเป้าหมายเป็น 5.10 บาท อิงจาก EV/EBITDA ที่ 8.8 เท่า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต +1.0 S.D.