กระทรวงคลังเดินหน้า ตั้งกองทุนฯ เวนคืนรถไฟฟ้าจาก BTS-BEM โบรกฯ ชี้ BEM รับทรัพย์กว่า 3.3 แสนลบ.

หลังจากกระทรวงการคลังได้ออกมาให้แนวทางการซื้อสัมปทานการบริหารโครงการรถไฟฟ้าจากภาคเอกชนคืนกลับมาเป็นของรัฐบาลและกำหนดค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย ซึ่งล่าสุด กระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคมเตรียมนัดหารือกันเพื่อหาแนวทางต่อไป

แต่สำหรับ 2 บริษัทจดทะเบียนก็คือ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS และ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM จะมีผลกระทบมากน้อยเพียงใดนั้น ทางเรามีมุมมองจากนักวิเคราะห์ได้ออกมาประเมินถึงสถานการณ์ดังกล่าวมาฝากผู้อ่านกัน

โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้มุมมองถึงนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายเห็นความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง หลังกระทรวงการคลังจะมีการพูดคุยกับกระทรวงคมนาคมเรื่องการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่อซื้อคืนสัญญาสัมปทานจากเอกชนเพื่อกำหนดอัตราค่าโดยสาร

สำหรับการตั้งกองทุนจะเปิดขายหน่วยลงทุนเพื่อระดมเงินไปซื้อคืนสัมปทานจากเอกชนและนำรายได้จากค่าโดยสารมาจ่ายปันผลให้นักลงทุน นอกจากนี้กระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างการศึกษาการเก็บค่าธรรมเนียมรถติด (Congestion Charge) และนำรายได้ส่งเข้ากองทุนรวมเช่นกัน

ทั้งนี้ ตามข่าวมีคาดการณ์เงินซื้อคืนสัมปทานอาจต้องใช้กว่า 5 แสนล้านบาท โดยรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสีส้มของ BEM คาดต้องใช้ 1.96 แสนล้านบาท และ 1.4 แสนล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่ารถไฟฟ้าสายอื่นๆ เนื่องจากยังมีระยะเวลาสัญญาสัมปทานคงเหลือสูงสุด (สายสีน้ำเงินเหลือระยะเวลา 26 ปี ถึง 2593 สายสีส้มเหลือระยะเวลา 30 ปีหลังส่วนตะวันออกเริ่มให้บริการ) หากรัฐบาลทำการซื้อคืน BEM จะได้รับเงินเป็นจำนวนมาก

ขณะที่ BTS จะได้ประโยชน์จากประเด็นดังกล่าวด้วยเช่นกัน เพราะรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสีชมพูปัจจุบันมีจำนวนผู้โดยสารที่ยังต่ำกว่าที่คาด การขายคืนให้รัฐจะทำให้ BTS ไม่ต้องแบกรับผลขาดทุน ส่วนสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหลืออีกเพียง 5 ปีคาดสามารถเจรจาการซื้อคืนได้ง่ายกว่ารัฐบาล

ทั้งนี้ ตลาดมีโอกาสเก็งกำไร BEM และ BTS จากประเด็นข่าวดังกล่าว อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามการดำเนินงานเช่นผลการศึกษาเพื่อระดมทุนซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้าและการผลักดันร่าง พ.ร.บ. ต่างๆเพื่อบังคับใช้นโยบายในทันภายใน ก.ย. 2568 เรายังชอบ BEM จากมูลค่าเงินชดเชยที่สูงหากรัฐบาลซื้อคืนสัมปทาน ด้านผลประกอบการยังแข็งแกร่งตามตัวเลขผู้ใช้ทางด่วนและรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเดือน ส.ค. 67 เบื้องต้นคาดผลประกอบการไตรมาส 3/67 มีโอกาสทำจุดสูงสุดใหม่