จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : PSP บุกตลาดสินค้ามาตรฐาน EURO5 ตอบโจทย์ลูกค้าดันรายได้ปีนี้โต 15-20%
16 กันยายน 2567
บมจ.พี.เอส.พี. สเปเชียลตี้ส์ (PSP) ลุยออกผลิตภัณฑ์รับมาตรฐานยูโร5 ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า ผู้บริหารมั่นใจครึ่งปีหลังแนวโน้มสดใส บุกตลาดส่งออก ดันรายได้ปี 67 เติบโต 15-20%
หนึ่งในมาตรการลดการปล่อยมลพิษที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ได้แก่ มาตรฐานยูโร 5 ซึ่งเป็นกฎระเบียบสำหรับควบคุมการปล่อยมลพิษไอเสียของยานพาหนะ เพื่อช่วยป้องกันและแก้ไข ปัญหาสิ่งแวดล้อม ไม่ให้มลพิษเกินเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งถูกกำหนดโดยสหภาพในยุโรป โดยได้มีการกำหนดเกณฑ์ ตั้งแต่ EURO 1, EURO 2, EURO 3, EURO 4, EURO 5, EURO 6 ส่งผลให้ผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกทำการพัฒนาเครื่องยนต์ ให้ปล่อยมลพิษออกมาน้อยที่สุดนั่นเอง
สำหรับเกณฑ์การปรับมาตรฐานไอเสียรถยนต์ให้สะอาดขึ้น ตามมาตรฐาน EURO จะระบุปริมาณมลพิษ 4 ตัว ได้แก่ คาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) ออกไซด์ของไนโตรเจน (NOx) ไฮโดรคาร์บอน (HC) และสารมลพิษอนุภาค (PM) โดยจะมีการวัดเป็นหน่วยกรัม/กิโลเมตร ตามวัฏจักรขับขี่ในห้องปฏิบัติการทดสอบ
ผลิตภัณฑ์หล่อลื่นก็มีส่วนในการทำให้เกิดมลพิษเช่นกัน ผู้ผลิตจึงต้องมีการพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป
บมจ.พี.เอส.พี. สเปเชียลตี้ส์ (PSP) ในฐานะผู้นำด้านผลิตภัณฑ์หล่อลื่นแบบครบวงจรที่มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญมากว่า 35 ปี ในการพัฒนาและผลิตน้ำมันหล่อลื่น (Lubricant) จาระบี (Grease) และผลิตภัณฑ์พิเศษ (Specialty products) ก็ได้ปรับตัวรับกับมาตรฐานที่ปรับเปลี่ยนไป
โดย “เสกสรร ครองพาณิชย์” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พี.เอส.พี. สเปเชียลตี้ส์ (PSP) ระบุว่า บริษัทฯ ได้พัฒนาและเตรียมจำหน่ายผลิตภัณฑ์พิเศษ อาทิ ผลิตภัณฑ์หล่อลื่นสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร น้ำยาหล่อเย็นแบตเตอรี่ น้ำยาบำบัดไอเสีย (AdBlue) ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยมลพิษจากรถยนต์ดีเซลตามมาตรฐานEURO5 ให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร
ซึ่งการขยายตลาดดังกล่าวจะช่วยเพิ่มอัตราการทำกำไรให้สูงขึ้น และช่วยผลักดันให้รายได้ปี 2567 สามารถเติบโต 15-20% ตามเป้าหมายที่วางไว้
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการครึ่งหลังปี 2567 เชื่อว่า จะยังเติบโตต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากปริมาณการขายทั้งใน และต่างประเทศ ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ด้วยการใช้กลยุทธ์เจาะกลุ่มลูกค้าต่างประเทศด้วยบริการแบบครบวงจรและการให้บริการมาตรฐานระดับสากล ซึ่งดีมานด์ของกลุ่มผลิตภัณฑ์หล่อลื่นยังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการขยายตัวของภาคยานยนต์และอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ บริษัท ฯ ยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีอัตรากำไรสูงขึ้น และ สามารถลดอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) มาอยู่ที่ระดับ 1.05 เท่า จาก1.15 เท่า ในสิ้นปี 2566 ที่ผ่านมา
หนึ่งในมาตรการลดการปล่อยมลพิษที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ได้แก่ มาตรฐานยูโร 5 ซึ่งเป็นกฎระเบียบสำหรับควบคุมการปล่อยมลพิษไอเสียของยานพาหนะ เพื่อช่วยป้องกันและแก้ไข ปัญหาสิ่งแวดล้อม ไม่ให้มลพิษเกินเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งถูกกำหนดโดยสหภาพในยุโรป โดยได้มีการกำหนดเกณฑ์ ตั้งแต่ EURO 1, EURO 2, EURO 3, EURO 4, EURO 5, EURO 6 ส่งผลให้ผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกทำการพัฒนาเครื่องยนต์ ให้ปล่อยมลพิษออกมาน้อยที่สุดนั่นเอง
สำหรับเกณฑ์การปรับมาตรฐานไอเสียรถยนต์ให้สะอาดขึ้น ตามมาตรฐาน EURO จะระบุปริมาณมลพิษ 4 ตัว ได้แก่ คาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) ออกไซด์ของไนโตรเจน (NOx) ไฮโดรคาร์บอน (HC) และสารมลพิษอนุภาค (PM) โดยจะมีการวัดเป็นหน่วยกรัม/กิโลเมตร ตามวัฏจักรขับขี่ในห้องปฏิบัติการทดสอบ
ผลิตภัณฑ์หล่อลื่นก็มีส่วนในการทำให้เกิดมลพิษเช่นกัน ผู้ผลิตจึงต้องมีการพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป
บมจ.พี.เอส.พี. สเปเชียลตี้ส์ (PSP) ในฐานะผู้นำด้านผลิตภัณฑ์หล่อลื่นแบบครบวงจรที่มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญมากว่า 35 ปี ในการพัฒนาและผลิตน้ำมันหล่อลื่น (Lubricant) จาระบี (Grease) และผลิตภัณฑ์พิเศษ (Specialty products) ก็ได้ปรับตัวรับกับมาตรฐานที่ปรับเปลี่ยนไป
โดย “เสกสรร ครองพาณิชย์” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พี.เอส.พี. สเปเชียลตี้ส์ (PSP) ระบุว่า บริษัทฯ ได้พัฒนาและเตรียมจำหน่ายผลิตภัณฑ์พิเศษ อาทิ ผลิตภัณฑ์หล่อลื่นสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร น้ำยาหล่อเย็นแบตเตอรี่ น้ำยาบำบัดไอเสีย (AdBlue) ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยมลพิษจากรถยนต์ดีเซลตามมาตรฐานEURO5 ให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร
ซึ่งการขยายตลาดดังกล่าวจะช่วยเพิ่มอัตราการทำกำไรให้สูงขึ้น และช่วยผลักดันให้รายได้ปี 2567 สามารถเติบโต 15-20% ตามเป้าหมายที่วางไว้
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการครึ่งหลังปี 2567 เชื่อว่า จะยังเติบโตต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากปริมาณการขายทั้งใน และต่างประเทศ ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ด้วยการใช้กลยุทธ์เจาะกลุ่มลูกค้าต่างประเทศด้วยบริการแบบครบวงจรและการให้บริการมาตรฐานระดับสากล ซึ่งดีมานด์ของกลุ่มผลิตภัณฑ์หล่อลื่นยังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการขยายตัวของภาคยานยนต์และอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ บริษัท ฯ ยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีอัตรากำไรสูงขึ้น และ สามารถลดอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) มาอยู่ที่ระดับ 1.05 เท่า จาก1.15 เท่า ในสิ้นปี 2566 ที่ผ่านมา