Talk of The Town

BANPU รับปัจจัยบวกบริษัทลูก BKV เคาะราคาขายไอพีโอเข้าตลาดหุ้นสหรัฐ โบรกฯคาดหนุนมูลค่าหุ้นเพิ่ม 3.4 –3.7 บาท/หุ้น


17 กันยายน 2567

BANPU เผย BKV บริษัทย่อย ได้ประกาศราคา IPO เบื้องต้นที่ 19 – 21 เหรียญสหรัฐฯ ต่อหุ้น เพื่อเสนอขายหุ้นจำนวน 15,000,000 หุ้น เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ มีมูลค่าราคาตลาดหลักทรัพย์ณ ราคา IPO จะอยู่ในช่วง 5.1 – 5.7 หมื่นล้านบาท โบรกฯ ชี้เป็นผลบวก หนุนราคาหุ้น BANPU ช่วงที่เหลือของปีให้สูงขึ้นจากปัจจุบัน

BANPU รับปัจจัยบวกบริษัทลูก BKV _S2T (เว็บ) copy_0.jpg

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2567 BKV Corporation (BKV) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ได้ประกาศเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 15,000,000 หุ้น ช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้นที่ 19 – 21 เหรียญสหรัฐฯ ต่อหุ้น ซึ่งได้รับการอนุมัติให้นําหุ้นสามัญทั้งหมดของ BKV เพื่อเตรียมเข้าจดทะเบียนใน New York Stock Exchange (NYSE)  โดยใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ “BKV”

สำหรับการซื้อขายในตลาด NYSE ผู้จัดการการจัดจําหน่ายและรับประกันการจัดจําหน่ายหลักทรัพย์ (“underwriters”) มีสิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มในจำนวน 2,250,000 หุ้นจาก BKV ภายในระยะเวลา 30 วันนับแต่วันแรกที่หุ้น สามัญของ BKV เริ่มทำการซื้อขาย ที่ราคาเสนอขาย IPO โดยหักส่วนลดและค่าคอมมิชชั่นของผู้จัดการการจัดจําหน่ายและรับประกันการจัดจําหน่ายหลักทรัพย์แล้ว

Citigroup และ Barclays เป็นผู้จัดการหลักในการจัดการหนังสือคำสั่งซื้อหลักทรัพย์ในการเสนอขายหุ้น IPO (Lead bookrunner) Evercore ISI, Jefferies และ Mizuho เป็นผู้จัดการร่วมในการจัดการหนังสือคำสั่งซื้อหลักทรัพย์ในการเสนอขาย หุ้น IPO (Joint bookrunner) KeyBanc Capital Markets, Susquehanna Financial Group, LLLP, TPH&Co ซึ่งเป็นส่วนงานธุรกิจพลังงานของ Perella Weinberg Partners และ Truist Securities เป็นผู้จัดการร่วมอาวุโสสำหรับการเสนอขาย IPO (Senior co-managers) ส่วน Citizens JMP และ SMBC Nikko เป็นผู้จัดการร่วมสำหรับการเสนอขาย IPO (Co-managers) ในครั้งนี้

สำหรับ BKV Corporation (BKV) ตั้งอยู่เมืองเดนเวอร์ เมืองหลวงของรัฐโคโลราโด เป็นบริษัทผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติที่มีความครบวงจร โดยมีเป้าหมายการพัฒนาและเติบโตมุ่งสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้น ธุรกิจหลักของ BKV คือเป็นผู้ดำเนินการผลิตก๊าซ ธรรมชาติ ก่อตั้งขึ้นในปี 2558 

BKV พร้อมด้วยพนักงานของบริษัทมีความมุ่งมั่นในการสร้าง BKV ให้เป็นบริษัทพลังงานที่แตกต่าง โดยปัจจุบัน BKV เป็นหนึ่งใน 20 บริษัทผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ในสหรัฐอเมริกา และเป็นผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติ รายใหญ่ที่สุดในแหล่งก๊าซธรรมชาติบาร์เน็ต รัฐเท็กซัส

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า BKV เป็นผู้ประกอบธุรกิจผลิตก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ 1 ใน 20 อันดับแรกของสหรัฐฯ และเป็นผู้ผลิตก๊าซรายใหญ่ที่สุดในแหล่งก๊าซ Barnett รัฐเท็กซัส มีโครงสร้าง ธุรกิจบูรณาการครบวงจรทั้งดำเนินงานเอง และผ่านการลงทุน เช่น ธุรกิจท่อก๊าซ, โรงไฟฟ้า ก๊าซธรรมชาติ(Temple I & II), โครงการกักเก็บคาร์บอน (CCS) 

โดยก่อน IPO BKV มีจำนวนหุ้น 66.3 ล้านหุ้น (Par 0.01 เหรียญสหรัฐฯ ต่อหุ้น) ซึ่ง BANPU ถือหุ้น 96.4% ภายหลังขายหุ้นออกใหม่ IPO ครั้งนี้จำนวน 15 ล้านหุ้น คาดสัดส่วนการถือหุ้นของ BANPU จะลดลงเหลือ 81.6%

สำหรับมูลค่าราคาตลาดหลักทรัพย์ณ ราคา IPO จะอยู่ในช่วง 1.5 - 1.7 พันล้านเหรียญฯ หรือราว 5.1 – 5.7 หมื่นล้านบาท ถือว่าต่ำกว่ามูลค่าเหมาะสมที่เคยประเมินไว้ก่อนหน้า เนื่องจากราคาขาย IPO มักมีส่วนลดจากราคาพื้นฐาน 20-30% และราคาก๊าซธรรมชาติปัจจุบันอยู่ระดับไม่สูงมากนัก 

อย่างไรก็ตามมองข่าวความคืบหน้าดังกล่าวเป็น Sentiment บวกต่อราคาหุ้น BANPU เนื่องจาก 1. ราคา IPO ช่วง 19 – 21 เหรียญสหรัฐฯ ต่อหุ้น จะคิดเป็น NAV ต่อหุ้น BANPU สูงถึงราว 3.4 –3.7 บาท/หุ้น (ให้ Discount Holding 20%) เทียบกับราคากระดานล่าสุดที่ 6.25 บาท/หุ้น (สัดส่วน 54-59%) ซึ่งช่วยให้ตลาดเห็นมูลค่าธุรกิจ BKV ได้ชัดเจนมากขึ้น 

2. BKV จะสามารถระดมทุนจาก IPO ครั้งนี้ได้ราว 300 ล้านเหรียญฯ หรือ 1 หมื่นล้านบาท ช่วยให้ฐานะการเงินมั่นคงขึ้น (ปัจจุบันมีNet Debt ราว 350 ล้าน เหรียญฯ) และสามารถจ่ายคืนเงินกู้ยืมบริษัทแม่ (Sponsor Loan) เบื้องต้นคาดราว 50 ล้านเหรียญฯ 3. BKV จะสามารถเร่งลงทุนสร้างการเติบโตได้ด้วยตนเองคล่องตัวมากขึ้น ไม่ต้องพึ่งพาบริษัทแม่ โดยเฉพาะการขยายลงทุนโครงการ CCUS ที่กำลังมีการเติบโตสูง

ดังนั้นคงคำแนะนำ TRADING ด้วยมุมมองที่เป็นบวก ปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2568 ที่ 7.00 บาท เชื่อว่าความคืบหน้าการนำ BKV เข้าจดทะเบียนในตลาดจะเป็น Catalyst หนุนราคาหุ้น BANPU ช่วงที่เหลือของปีให้สูงขึ้นจากปัจจุบันที่ ซื้อขายบน PBV ไม่ถึง 0.5 เท่า อีกทั้งมองข้ามไปช่วงไตรมาส 4/67 – 1/68 หุ้นมีปัจจัยหนุนจากการเข้าสู่ High Season ของการใช้พลังงานในฤดูหนาว ทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติและถ่านหินเร่งตัวขึ้น