Wealth Sharing

เหล่าโบรกเกอร์ไทย-ต่างชาติ อัพเป้าหมาย SET สิ้นปีนี้ทะยาน 1,550 จุด


19 กันยายน 2567

หากจะพูดถึงตลาดหุ้นที่มีความโดดเด่นในช่วงนี้ ตลาดหุ้นไทยถือว่าเป็นอีกหนึ่งตลาดที่หลายคนมักจะพูดถึงกันในปัจจุบัน ไม่เว้นแม้แต่สถาบันทรัพย์ในหลายๆแห่ง ที่ได้เริ่มปรับการมุมมองการลงทุนใหม่อีกครั้ง รวมไปถึงเป้าหมายของดัชนีด้วยเช่นกัน ซึ่งทางเราก็ได้รวบรวมมาให้ผู้อ่านได้ชมกันในครั้งนี้

เหล่าโบรกเกอร์ไทย-ต่างชาติ_S2T (เว็บ).jpg

โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด ให้มุมมองว่า ตั้งแต่เดือน ก.ย.ถึงปัจจุบันเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าหุ้นไทยอย่างหนาแน่น โดยซื้อสุทธิหุ้นไทยทางตรง 1.54 หมื่นล้านบาท และซื้อผ่าน NVDR เพิ่มอีก 6.7 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการซื้อสุทธิสูงสูดในภูมิภาค รองลงมา คือ อินโดนีเซีย และฟิลิปินส์ หนุนตลาดหุ้นไทยขึ้นแรงมาเป็นอันดับต้นๆ ของโลก หรือเพิ่มขึ้น 5% จากต้นเดือนก.ย.ถึงปัจจุบัน ทิ้งห่างตลาดหุ้นโลก MSCIACWI ที่ลดลง 3.7% และ NASDAQ ที่ลดลง 5.8%

ดังนั้น จึงประเมินว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยยังน่าจะเดินหน้าต่อด้วยปัจจัยทางด้านฟันด์โฟลว์ ที่มีโอกาสไหลเข้าจากนักลงทุนต่างชาติต่อ ทั้งประเด็นกองทุนวายุภักษ์และอ้างอิงตามทิศทางดอกเบี้ยหลายประเทศทั้ง สหรัฐฯ ยุโรป มีโอกาสเป็นขาลงเร็วและแรงกว่าประเทศไทย (อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ-ไทย แคบลง) 

ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี ไทยกับสหรัฐฯแคบลง ฟันด์โฟลว์ต่างชาติมักจะไหลเข้าตลาดหุ้นไทย ในทางกลับกันหากอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี ไทยถูกสหรัฐทิ้งห่าง (GAP มากขึ้น) ฟันด์โฟลว์ก็มักจะไหลออกเช่นกัน โดยทุกๆ ส่วนต่างแคบลง 0.05% ถึง 0.10% หนุนให้ฟันด์โฟลว์ไหลเข้าได้ราว 1 หมื่นล้านบาท แต่ถ้าส่วนต่างกว้างขึ้น 0.05% ถึง 0.10% กดดันฟันดืโฟลว์ไหลออก 1 หมื่นล้านบาท

ขณะเดียวกันในแง่ของมูลค่าหุ้นไทยก็ยังสนับสนุนให้ดัชนีไปได้ได้เช่นกัน โดยระดับ MARKET EARNING YIELD GAP น่าลงทุน ซึ่งระดับดัชนีที่ 1,400 จุด คิดเป็นตัวเลข MARKET EARNING YIELD GAP ที่ระดับ 3.97% (สูงกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีที่อยู่ 3.8%) โดยหากคิด ณ สิ้นปี อ้างอิง EPS ที่ 91.40 บาท/หุ้น คิดเป็นระดับ MEYG 4.3% ส่วนเป้าหมายดัชนีตลาดปัจจุบัน 1,450 จุด (อิง MEYG เฉลี่ย 3.8%) 

แต่หากในยามฟันด์โฟลว์ต่างชาติไหลเข้าหุ้นไทยมากๆ ระดับ MARKET EARNING YIELD GAP สามารถลดลงสู่ระดับ 3.5% ถึง 3.3% ซึ่งแปลงเป็นระดับเป้าหมายของดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ไม่ต่ำกว่า 1,523 จุด และถ้ามีการลดดอกเบี้ยจะขยับไปได้ถึง 1,576 จุด

ทั้งนี้ ตราบที่ฟันด์โฟลว์ไหลเข้า เป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสทะลุ 1,500 จุด จึงแนะนำกลยุทธ์ลงทุนหุ้นVAYU PLAY คือหุ้นที่กองทุนวายุภักษ์เดิมถือเยอะ และมี ESG RATING “AAA” คือ PTT,BCP, KTB, ADVANC, SCC, KBANK, CRC, CPF, SCGP, OR

และหุ้นที่กองทุนวายุภักษ์เดิมถือและมี ESG RATING พร้อมกับมี SENTIMENT สนับสนุนในช่วงนี้ ประกอบไปด้วยหุ้น LAGGARD แนะนำ PTT, SCC, SCGP, IVL, LH หุ้นรับวัฎจักรดอกเบี้ยลง MTC, TISCO หุ้นรับประโยชน์จากราคาน้ำมันลง GULF, BGRIM, OR และหุ้นกำไรไตรมาส 3/67 เด่น BCH, PLANB

เช่นเดียวกันกับนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองว่าต่อตลาดหุ้นไทยยังเหมือนเดิม โดยเศรษฐกิจไทยใน 2 ปีที่ผ่านมา โดนฉุดรั้งโดยนโยบายการคลังและการเงินที่ตึงตัวพร้อมๆกัน มองว่านโยบายการคลังเริ่มผ่อนคลายแล้วในครึ่งปีหลังปี 67 และจะตามมาด้วยการผ่อนคลายสภาวะการเงินในครึ่งปีแรกปี 68 

ส่วนปัจจัยผลักดันที่รออยู่คือ 1.การแจกเงินสด 1.45 แสนลบ. ซึ่งจะเริ่มในเดือนกันยายนนี้, 2.การเริ่มใช้จ่ายงบประมาณปี 68 (สูงกว่างบประมาณปี FY24 ราว 4.2%) ในเดือน ต.ค.นี้, 3. การเริ่มต้นการลงทุนของกองทุนวายุภักษ์ และเงินไหลเข้ากองทุน ESG ในไตรมาส 4/67, 4.ฤดูท่องเที่ยวที่เข้าใกล้ระดับสูงสุดของปี 2562 ในไตรมาส 4/67 - 1/68 

ตามด้วย 5.การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือน ธ.ค. และนโยบายการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดน้อยลงของสถาบันการเงินในปีหน้า 6.การเติบโตของ GDP ที่เพิ่มขึ้นทุกๆ ไตรมาส และ 7.เงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่ยังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลเพิ่มการส่งออกในอนาคต

สำหรับดัชนีตลาดหุ้นไทยพลิกกลับเร็วกว่าที่คาดไว้ เกือบแตะเป้าหมายสิ้นปีที่ 1,450 จุด สะท้อนความคาดหวังของการลงทุนของกองทุนวายุภักษ์ 1.5 แสนล้านบาท และช่วงการลงทุนของกองทุน ESG เพื่อลดหย่อนภาษีในไตรมาส 4/67 โดยเป้าหมายต่อไปสิ้นปี 2568 อยู่ที่ 1,620 จุด โดยคาดว่า SET จะยังซื้อขายที่ PE ที่ 16.5 เท่า ในปีหน้า ด้วยเพิ่มขึ้นตามคาดการณ์การเติบโตของกำไรปี 2568 ของเราที่ 12.5%

ทั้งนี้ SET ปัจจุบันซื้อขายบน PE ที่ 16.3 เท่า ซึ่งอยู่ในกรอบล่างของ PE ในช่วง 10 ปีก่อนที่ 16-22 เท่า ส่วนเป้าหมายปลายปี 2567 นี้ หากพิจารณาที่ปัจจัยฟื้นฐานควรอยู่ที่ 1,450 จุด อย่างไรก็ตามเนื่องจากกองทุนวายุภักษ์ จึงให้พรีเมียมแก่ SET โดยตั้งเป้าไว้ที่ 1,480 จุด

ดังนั้น จึงแนะนำการลงทุนเน้นหนักไปที่หุ้นใหญ่และผู้นำในกลุ่มอุตสาหกรรม รวมไปถึง “เน้นหุ้นคุณภาพ” เนื่องจากกองทุนวายุภักษ์มีการคุ้มครองเงินลงทุนของนักลงทุน และกองทุนลดหย่อนภาษี ESG มีข้อกำหนดการให้คะแนน ESG จึงมีแนวโน้มที่จะลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่และมีคุณภาพก่อน หุ้น Top Picks ประกอบไปด้วย AMATA, AOT, BH, COM7, CPALL, DELTA, MINT, SISB, TRUE และWHA

สุดท้ายโกลด์แมน แซดส์ เปิดเผยในบทวิเคราะห์ว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6% นำโดยกลุ่มไฟแนนซ์และซอร์ฟแวร์ที่เห็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ดีกว่า หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวเนื่องกับสินค้าโภคภัณฑ์และอุปกรณ์เทคโนโลยี 

ดังนั้น จึงได้ปรับเพิ่มเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยใน 12 เดือนข้างหน้าจาก 1,450 จุด เป็น 1,550 จุด โดยจะปัจจัยสนับสนุนจากกองทุนวายุภักษ์ที่จะเสนอขายในวันที่ 16-20 ก.ย. นี้ และจะเริ่มเข้าซื้อหุ้นในเดือน ต.ค. โดยจะมีเม็ดเงินลงทุนสูงสุดถึง 1.50 แสนล้านบาท คิดเป็นฟรีโฟรทราวๆ 2% ของดัชนีและราว 1% ของมาร์เก็ตแคปดัชนี ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกทั้งทางด้าน sentiment และสภาพคล่องให้กับตลาด รวมถึงดึงเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศกลับเข้ามาในไทย

พร้อมกันนี้ยังได้คัด 24 หุ้นที่มีอันดับ ESG ที่ดี และมีแนวโน้มการเติบโตรวมถึงมูลค่าที่ดีให้เป็นเป้าหมายสำหรับการลงทุน โดยหุ้นที่มีมูลค่าดี และมีอันดับ ESG ที่เป็น AAA นั้นได้แก่ PTT, ADVANC, CPALL, KBANK, CPAXT, SCC, KTB, CPF, CRC, SCGP, WHA, BCP, BANPU และ AMATA ส่วนหุ้นที่มีอันดับ ESG อยู่ที่ AA นั้นได้แก่ GULF, BDMS, SCB, INTUCH, CPN, TTB, MINT, HMPRO, BEM, OSP

เหล่าโบรกเกอร์ไทย-ต่างชาติ-01.jpg

SET