เปิดมุมมอง“ทรีนีตี้”หลังเฟดลดดอกเบี้ย 0.50% หนุนสภาพคล่องตลาดหุ้นไทยช่วงไตรมาส 4!
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยถึงผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ประกาศลดอกเบี้ย 0.50% ล่าสุด ว่าจะส่งผลต่อสินทรัพย์โลกใน 10 ประเด็นหลักดังนี้
-
สำหรับในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯนั้น ประเมินว่าจะเป็นทางหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีฯ (Nasdaq) ที่เริ่มกลับมาปรับตัว Outperform หุ้นกลุ่มวัฏจักร (Dow Jones) อีกครั้ง เนื่องจากมักเป็นกลุ่มที่ทนทานต่อภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวนอกจากนั้นยังอาจรวมถึงหุ้นขนาดกลางขนาดเล็ก (Russell 2000) ที่จะได้ประโยชน์ส่วนเพิ่มอย่างรวดเร็วจากการปรับตัวลงของดอกเบี้ยในตลาด
-
สำหรับตลาดหุ้นไทย แนะนำหลีกเลี่ยงหุ้นกลุ่ม Global cyclicals ไปอีกระยะ เช่นกลุ่มน้ำมันและปิโตรเคมี แม้ Valuation ส่วนใหญ่ของหุ้นกลุ่มนี้จะยังอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย แต่ความกังวลด้านเศรษฐโลกชะลอตัวมีโอกาสที่จะกดดันราคาต่อไปได้ ดังนั้น หากต้อง Selectiveแนะนำโฟกัสการลงทุนไปที่กลุ่ม Domestic play เช่น ค้าปลีก อสังหาฯ ไฟแนนซ์ ที่ยังคงมี Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยต่อไป
-
ประเมินสภาพคล่องของไทยที่คงค้างอยู่ในบัญชี FCD ขณะนี้กว่า 7.7แสนล้านบาทจะเริ่มมีการทยอยไหลย้อนหลับเข้าสู่ประเทศมากขึ้น ซึ่งบางส่วนน่าจะมีการไหลเข้าสู่ระบบตลาดทุนในประเทศได้ ถือเป็นปัจจัยที่จะช่วยประคับประคองตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาสที่ 4 นี้
-
มองสภาพคล่องส่วนเกินที่เตรียมจะไหลเข้ามามากขึ้นในช่วงถัดไป เมื่อมาประกอบกับความเกี่ยวโยงกับเศรษฐกิจโลกที่อยู่ในระดับต่ำ และ Valuation ที่ยังคง Laggard หุ้นขนาดใหญ่อย่างมากในการ Rally ของหุ้นไทยรอบนี้ จะทำให้เรามีโอกาสเห็นหุ้นขนาดกลาง-เล็ก (sSET & MAI) กลับมา Outperform อีกครั้งในช่วงไตรมาสที่ 4นี้
-
ประเมินทองคำเป็นสินทรัพย์ผู้ชนะที่สำคัญจากผลการประชุม Fed ล่าสุดเนื่องจากขาหนึ่งจะได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ยที่มากกว่าคาด ส่วนอีกขาหนึ่งจะได้ประโยชน์จากความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอที่สูงขึ้น ดังนั้นหากราคาตกลงมาในช่วงสั้นมองเป็นโอกาสที่น่าสนใจสำหรับการเพิ่มน้ำหนัก
-
มองแนวโน้ม Bond yield สหรัฐฯมีโอกาสไหลลงต่อ โดยเฉพาะรุ่นระยะสั้น ดังนั้นสำหรับนักลงทุนที่มีกำไรจากการถือครองพันธบัตรสหรัฐมาก่อนหน้านี้ แนะนำให้สามารถ Let profit run ต่อไปได้
-
ส่วนในแง่ผลกระทบต่อค่าเงิน USD นั้น ถือว่าประเมินค่อนข้างยาก เนื่องจากขาหนึ่งอาจถูกกดดันจากปรากฏการณ์ USD carry trade ที่อาจจะดำเนินต่อไป แต่ในอีกขาหนึ่งนั้น อาจมีผู้ที่เป็นกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอโยกเงินเข้าสู่ Safe havens ซึ่งเงิน USD ถือเป็นหนึ่งในนั้น
-
การปรับลดดอกเบี้ยของ Fed ในระดับ 0.50%นี้ ยิ่งเป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นของเราที่ประเมินมาตลอดว่าธปท.จะ สามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25%ได้ภายในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่ในสมมุติฐานการคำนวณระดับเป้าหมาย SET Index ของเรามาก่อนหน้านี้แล้ว โดยเป้าหมาย SET ในกรณีดีสุดจะอยู่ที่ระดับ 1480 จุด
-
มองแนวโน้มอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของไทยมีแนวโน้มปรับตัวลงตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯในช่วงถัดไป ดังนั้นสำหรับผู้ที่ถือครองตราสารหนี้ไทยอยู่ สามารถ Let profit run ต่อไปได้เช่นกัน
-
การปรับลงของ Bond yield ไทยที่น่าจะเกิดขึ้นต่อไปนั้น ยังส่งผลให้มาตรวัด Dividend yield gap ของตราสารที่มีคุณลักษณะคล้ายพันธบัตรเช่นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (IFF) ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์(REIT) และหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค ปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย แนะนำ Overweight ตราสารเหล่านี้ต่อไปด้วยเช่นกัน