ACC จับมือ RTS ลงนาม MOU พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ
บริษัท แอดวานซ์ คอนเนคชั่น คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ACC (SET: ACC) ผู้ประกอบธุรกิจด้านพลังงานและพลังงานทดแทน รวมไปถึง ธุรกิจการให้สินเชื่อและการลงทุนอื่นๆ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ บริษัท อาร์ ที เอส (2003) จำกัด หรือ RTS ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศแบบครบ วงจร โดยมุ่งเน้นการสร้างระบบนิเวศทางเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งและยั่งยืนสำหรับประเทศไทยและ ภูมิภาคอาเซียนพิธีลงนามจัดขึ้น ณ ห้องประชุมใหญ่ บมจ.แอดวานซ์ คอนเนคชั่น คอร์ปอเรชั่น อาคาร มิตรทาวน์ ออฟฟิศ ทาวเวอร์ ชั้น 16 โดยมีผู้บริหารระดับสูงของทั้งสองบริษัท พันธมิตรทางธุรกิจ และสื่อมวลชนเข้าร่วมเป็นสักขีพยานวิสัยทัศน์ร่วมสู่อนาคตดิจิทัล
พลเอกสมชาย ยังพิทักษ์ ประธานกรรมการบริษัท ACC กล่าวว่า "ความร่วมมือครั้งนี้เป็น ก้าวสำคัญในการเสริมสร้างศักยภาพทางธุรกิจของทั้งสองบริษัท โดยมุ่งเน้นการพัฒนาโซลูชั่นที่ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัล เราเชื่อมั่นว่าการผนึกกำลังครั้งนี้จะช่วยยกระดับขีด ความสามารถในการแข่งขันของบริษัทในตลาดเทคโนโลยีทั้งในประเทศและภมิภาค นอกจากนี้ ยังเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมาถึงของเทคโนโลยี AI , 6G และ Quantum Computing ซึ่งคาดว่าจะ เริ่มมีบทบาทสำคัญในช่วงปี 2568 เป็นต้นไป "
คุณอิทธิ พงศ์อุสรา ประธานกรรมการบริหาร ACC เสริมว่า " เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ ได้ร่วมมือกับ RTS ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านระบบโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่ แข็งแกร่ง การผสานจุดแข็งของทั้งสองบริษัทจะช่วยให้เราสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่มี ประสิทธิภาพสูงและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลสำหรับเมืองอัจฉริยะ (Smart City) และอุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ "
คุณณชพล สองทิศ กรรมการผู้จัดการ RTS กล่าวว่า " เรารู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสในการ ทำงานร่วมกับ ACC ซึ่งเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่มีศักยภาพ มีฐานลูกค้าและมีความ เชี่ยวชาญด้านการตลาด ความร่วมมือนี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนานวัตกรรมและ การให้บริการของเรา ซึ่งจะส่งผลดีต่อลูกค้าและอุตสาหกรรมโดยรวม นอกจากนี้ เรายังมุ่งหวังที่จะ ร่วมกันสร้างมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของประเทศไทย โดยเฉพาะในด้านความ ปลอดภัยทางไซเบอร์ การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) และ การพัฒนาขององค์กรอย่าง ยั่งยืน (ESG) ซึ่งเป็นประเด็นที่ทั่วโลกให้ความสำคัญในปัจจุบัน " แผนการดำเนินงานและโครงการสำคัญ
ภายใต้ความร่วมมือนี้ ทั้งสองบริษัทจะร่วมกันดำเนินการในด้านต่างๆ ดังนี้ :
-
การวิจัยและพัฒนา :
- มุ่งเน้นการสร้างนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี 5G, IOT, และ AI เพื่อตอบสนองความต้องการของ ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม
- ให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจ ที่คำนึงถึงความรับผิดชอบ 3 ด้านหลัก คือ สิ่งแวดล้อม, สังคม, การกำกับดูแล เพื่อช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ธุรกิจ ด้วยการสะท้อนบทบาทความรับผิดชอบ
ของธุรกิจที่มีต่อผู้มีส่วนได้เสีย และการนำเสนอผลการดำเนินงานในการ พัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน
- ลงทุนในการวิจัยด้าน Quantum Computing และ 6G เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับ เทคโนโลยีในอนาคต
-
การพัฒนาโซลูชั่นแบบบูรณาการ :
- ผสานความเชี่ยวชาญของทั้งสองบริษัทเพื่อพัฒนาโซลูชั่นที่ครอบคลุมตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐาน ด้านโทรคมนาคมไปจนถึงแอพพลิเคชั่นและบริการด้าน IT อย่างครบวงจร
- พัฒนาแพลตฟอร์มการจัดการด้าน ESG ที่รวมระบบการจัดการจราจร การใช้พลังงาน และ การบริหารจัดการ Carbon credit และ NetZero ไว้ด้วยกัน
- สร้างระบบการเข้าใช้งาน Cloud-based Solution สำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ
-
การขยายฐานลูกค้า :
- ใช้ประโยชน์จากเครือข่ายลูกค้าที่แข็งแกร่งของทั้งสองบริษัท เพื่อขยายตลาดและเพิ่มส่วนแบ่ง ทางการตลาด
- ร่วมกันพัฒนากลยุทธ์การตลาดแบบบูรณาการเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่ม อุตสาหกรรม 4.0 และภาคการเกษตรอัจฉริยะ
- ขยายการให้บริการไปยังประเทศในกลุ่ม CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) โดยใช้ ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของทั้งสองบริษัท
-
การพัฒนาบุคลากร:
- แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างบุคลากรของทั้งสองบริษัท เพื่อเสริมสร้างทักษะ และความเชี่ยวชาญ
- จัดตั้งโครงการ " Digital Talent Accelerator " เพื่อพัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่ให้มีความพร้อมใน การทำงานด้านเทคโนโลยีดิจิทัล
- ร่วมมือกับสถาบันการศึกษาชั้นนำในการพัฒนาหลักสูตรด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อผลิต บุคลากรที่มีคุณภาพป้อนเข้าสู่ตลาดอุตสาหกรรม
-
การสร้างมาตรฐานอุตสาหกรรม :
- ร่วมกันพัฒนาและผลักดันมาตรฐานด้านเทคโนโลยีและความปลอดภัยทางไซเบอร์ในระดับประเทศและภูมิภาค
- จัดตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อศึกษาและพัฒนามาตรฐานด้านความยั่งยืนของธุรกิจ
- ให้ความสำคัญกับมาตรฐานต่างๆ ในธุรกิจโทรคมนาคมและสารสนเทศ เพื่อยกระดับ มาตรฐานการทำงานให้เป็นมาตรฐานระดับโลก
ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม
ความร่วมมือนี้คาดว่าจะส่งผลดีต่อผลประกอบการของทั้งสองบริษัทในระยะยาว โดย ACC ตั้งเป้า เพิ่มรายได้จากการให้บริการโซลูชั่นแบบบูรณาการขึ้น 30% ภายในปี 2569 ขณะที่ RTS คาดว่า จะสามารถขยายฐานลูกค้าในกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ได้เพิ่มขึ้น 25% ในช่วงเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ ความร่วมมือดังกล่าวยังคาดว่าจะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและสังคมในวง กว้าง ดังนี้ :
-
การสร้างงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี : คาดว่าจะสร้างตำแหน่งงานใหม่ในสาขาเทคโนโลยี
สารสนเทศและการสื่อสารได้หลายตำแหน่งภายในระยะเวลา 3 ปี
-
การพัฒนาทักษะแรงงาน: โครงการ "Digital Talent Accelerator" จะช่วยยกระดับทักษะด้าน ดิจิทัลให้กับแรงงานไทย
-
การเพิ่มประสิทธิภาพในภาคธุรกิจ: โซลูชั่นที่พัฒนาขึ้นจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ของธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs ซึ่งคาดว่าจะช่วยประหยัดต้นทุนได้ถึง 15-20%
-
การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ : แพลตฟอร์มการจัดการเมืองอัจฉริยะจะช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิต ของประชาชนในเขตเมือง โดยคาดว่าจะลดเวลาการเดินทางลงได้ 20% และลดการใช้พลังงานใน เมืองลงได้ 15%
-
การยกระดับความปลอดภัยทางไซเบอร์ : มาตรฐานความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่พัฒนาขึ้นจะ
ช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตีทางไซเบอร์ในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมลงได้อย่างน้อย 30%
-
การส่งเสริมนวัตกรรม : การลงทุนในการวิจัยและพัฒนาจะช่วยกระตุ้นการสร้างนวัตกรรมใน
ประเทศ โดยคาดว่าจะมีการจดสิทธิบัตรใหม่ในด้านเทคโนโลยีดิจิทัลเพิ่มขึ้น 30 - 50 รายการ
ภายในปี 2570
-
การส่งเสริม ESG : โดยให้ความสำคัญกับ 3 ส่วนหลักๆ คือ Environment เป็นหลักเกณฑ์ที่ คำนึงถึงในด้านความรับผิดชอบของบริษัทต่อสิ่งแวดล้อม, Social เป็นหลักเกณฑ์ที่ใช้วัดว่าบริษัทมี การจัดการความสัมพันธ์และมีการสื่อสาร กับ ลูกจ้าง suppliers ลูกค้า หรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (stakeholders) อย่างไร และ Governance เป็นหลักการที่ใช้วัดว่าบริษัทมีการจัดการบริการ ความสัมพันธ์ในเชิงการกำกับดูแลอย่างไร เพื่อการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพโปร่งใส ตรวจสอบได้ และคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสีย
แผนการดำเนินงานในอนาคต
ทั้งสองบริษัทวางแผนที่จะเปิดตัวโครงการนำร่องภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 โดยจะ เริ่มจากการพัฒนาระบบบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะสำหรับอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ใน กรุงเทพมหานคร ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดการใช้พลังงานลงได้ถึง 25%
นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะขยายความร่วมมือไปสู่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับ
ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และระบบการขนส่งอัจฉริยะ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาระบบนิเวศด้าน การคมนาคมที่ยั่งยืนของประเทศไทย
บทสรุป
การร่วมมือระหว่าง ACC และ RTS นั้นจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับทั้งสองบริษัท ทั้งการ แลกเปลี่ยนฐานข้อมูลลูกค้า การสนับสนุนด้านเงินทุน รวมไปถึงการผสานความเชี่ยวชาญและ ทรัพยากรของแต่ละฝ่าย ที่จะช่วยเร่งการพัฒนานวัตกรรมและโซลูชันทตอบโจทย์ความต้องการ ของตลาดในยุคดิจิทัล เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และก่อให้เกิดการประหยัดพลังงาน และค่าใช้จ่ายโดยรวมของประเทศได้ในระยะยาว