Talk of The Town
SEI ลงสนามเทรดวันนี้ “เซียนฮง” – “เชาว์ เฉลิมเดช” เข้าถือหุ้น นักวิเคราะห์มองมูลค่าพื้นฐาน 5.50 บาท
24 กันยายน 2567
วันนี้ (24 ก.ย.67) บริษัท เอสอีไอ เมดิคัล จำกัด (มหาชน) หรือ SEI หุ้นไอพีโอรายใหม่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ เป็นวันแรก ภายใต้กลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค
โดย SEI มีทุนชำระแล้วหลังเสนอขาย 85 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 120 ล้านหุ้นและหุ้นสามัญเพิ่มทุน 50 ล้านหุ้น โดยเป็นการเสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์จำนวน 37.50 ล้านหุ้น เสนอขายต่อผู้มีอุปการคุณของบริษัท 7.50 ล้านหุ้น
และเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน 5.00 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 16-18 กันยายน 2567 ในราคาหุ้นละ 3.10 บาท คิดเป็นมูลค่าการเสนอขาย IPO 155 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 527 ล้านบาท
ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูลรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ ปรากฏรายชื่อเซียนหุ้นชื่อดังเข้าถือหุ้นอยู่ด้วยประกอบไปด้วยนาย สถาพร งามเรืองพงศ์ หรือ “เซียนฮง” ถือหุ้นจำนวน 4,268,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 2.51%
รวมถึงปรากฎรายชื่อนาย เฉลิมเดช ลีวงศ์เจริญ หรือ เชาว์ อดีตนายกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) หรือ อดีตนายกสมาคม Thai Vi ร่วมถือหุ้น จำนวน 800,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 0.47%
โดย SEI ดำเนินธุรกิจโดยเป็นตัวแทนจำหน่ายและให้บริการเครื่องมือทางการแพทย์เป็นหลัก โดยบริษัทจัดหาสินค้าเครื่องมือทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์จากผู้ผลิตชั้นนำจากต่างประเทศ ซึ่งมีอยู่ 18 ราย จาก 11 ประเทศ โดยจำแนกสินค้าเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสินค้าด้านกล้องส่องตรวจ กลุ่มสินค้าสำหรับผู้ป่วยทารกแรกเกิด กลุ่มสินค้าด้านความงาม กลุ่มสินค้าด้านการผ่าตัด และกลุ่มสินค้าอุปกรณ์และเครื่องมือวิทยาศาสตร์ ทั้งนี้มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้แก่ โรงพยาบาลรัฐบาล สถาบันการศึกษาแพทย์ โรงพยาบาลเอกชน คลินิก เป็นต้น
งวดครึ่งปีแรก 2567 บริษัทมีรายได้จากการขาย การให้บริการและอื่นๆ ในสัดส่วน 90 : 10 ตามลำดับ โดยเป็นรายได้จากการขายและบริการจากกลุ่มลูกค้าภาครัฐบาลร้อยละ 79 ของรายได้จากการขายและบริการทั้งหมด และกลุ่มสินค้าหลักได้แก่ กลุ่มสินค้าด้านกล้องส่องตรวจ ร้อยละ 52 กลุ่มสินค้าสำหรับผู้ป่วยทารกแรกเกิด ร้อยละ 42 และกลุ่มสินค้าอื่นๆ ร้อยละ 6
ด้าน นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มองว่าธุรกิจของ SEI มีความน่าสนใจ ด้วยผลประกอบการที่มีแนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่องในปี 2567-2568 หากอิงสมมติฐานกำไรปี 2567 ที่ 37ล้านบาท จำนวนหุ้นหลัง IPO ที่ 170 ล้านหุ้น EPS 12 เดือนข้างหน้าที่ 0.28 บาท/หุ้น ประเมิน PER เหมาะสมที่ 20 เท่า โดยการใช้ค่ากลาง (Median) ของหุ้นกลุ่มธุรกิจจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ ที่ลักษณะธุรกิจใกล้เคียงกัน จะได้มูลค่าพื้นฐานที่ 5.50 บาท
โดยคาดกำไรสุทธิปี 2567ที่ 37 ล้านบาท เติบโต 71% และปี 2568 คาดที่ 56 ล้านบาท เติบโต 51% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก 1.การเติบโตจาก Organic Growth รับผลบวกจากอุตสาหกรรมนำเข้าเครื่องมือแพทย์ที่เติบโตเฉลี่ย 8% ในปี 2567-2568
2.เติบโตจากการขยาย Product Line ใหม่เพิ่มขึ้น สินค้ำกลุ่ม วัสดุสิ้นเปลือง ซึ่งถือเป็นธุรกิจที่เข้ามาสม่ำเสมอกว่างบประมาณภาครัฐ ซึ่งช่วยกระจายความเสี่ยงด้านรายได้มากขึ้น
3.เพิ่มสัดส่วนรายได้ Leasing ซึ่งทำให้รายได้เข้ามาสม่ำเสมอมากขึ้น 4. ประสิทธิภาพในการทำกำไรที่ดีขึ้น จากผลของรายได้ที่เพิ่มขยำยไปสู่สินค้าสิ้นเปลืองที่จะมีการสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้น และในปีก่อนมีการตั้งสำรองด้อยค่าสินค้าล้าสมัยราว 7 ล้านบาท โดยคาดอัตรากำไรสุทธิในปีนี้ที่ 7.8% เพิ่มจากปี ก่อนที่ 5.6%
โดย SEI มีทุนชำระแล้วหลังเสนอขาย 85 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 120 ล้านหุ้นและหุ้นสามัญเพิ่มทุน 50 ล้านหุ้น โดยเป็นการเสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์จำนวน 37.50 ล้านหุ้น เสนอขายต่อผู้มีอุปการคุณของบริษัท 7.50 ล้านหุ้น
และเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน 5.00 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 16-18 กันยายน 2567 ในราคาหุ้นละ 3.10 บาท คิดเป็นมูลค่าการเสนอขาย IPO 155 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 527 ล้านบาท
ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูลรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ ปรากฏรายชื่อเซียนหุ้นชื่อดังเข้าถือหุ้นอยู่ด้วยประกอบไปด้วยนาย สถาพร งามเรืองพงศ์ หรือ “เซียนฮง” ถือหุ้นจำนวน 4,268,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 2.51%
รวมถึงปรากฎรายชื่อนาย เฉลิมเดช ลีวงศ์เจริญ หรือ เชาว์ อดีตนายกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) หรือ อดีตนายกสมาคม Thai Vi ร่วมถือหุ้น จำนวน 800,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 0.47%
โดย SEI ดำเนินธุรกิจโดยเป็นตัวแทนจำหน่ายและให้บริการเครื่องมือทางการแพทย์เป็นหลัก โดยบริษัทจัดหาสินค้าเครื่องมือทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์จากผู้ผลิตชั้นนำจากต่างประเทศ ซึ่งมีอยู่ 18 ราย จาก 11 ประเทศ โดยจำแนกสินค้าเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสินค้าด้านกล้องส่องตรวจ กลุ่มสินค้าสำหรับผู้ป่วยทารกแรกเกิด กลุ่มสินค้าด้านความงาม กลุ่มสินค้าด้านการผ่าตัด และกลุ่มสินค้าอุปกรณ์และเครื่องมือวิทยาศาสตร์ ทั้งนี้มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้แก่ โรงพยาบาลรัฐบาล สถาบันการศึกษาแพทย์ โรงพยาบาลเอกชน คลินิก เป็นต้น
งวดครึ่งปีแรก 2567 บริษัทมีรายได้จากการขาย การให้บริการและอื่นๆ ในสัดส่วน 90 : 10 ตามลำดับ โดยเป็นรายได้จากการขายและบริการจากกลุ่มลูกค้าภาครัฐบาลร้อยละ 79 ของรายได้จากการขายและบริการทั้งหมด และกลุ่มสินค้าหลักได้แก่ กลุ่มสินค้าด้านกล้องส่องตรวจ ร้อยละ 52 กลุ่มสินค้าสำหรับผู้ป่วยทารกแรกเกิด ร้อยละ 42 และกลุ่มสินค้าอื่นๆ ร้อยละ 6
ด้าน นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มองว่าธุรกิจของ SEI มีความน่าสนใจ ด้วยผลประกอบการที่มีแนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่องในปี 2567-2568 หากอิงสมมติฐานกำไรปี 2567 ที่ 37ล้านบาท จำนวนหุ้นหลัง IPO ที่ 170 ล้านหุ้น EPS 12 เดือนข้างหน้าที่ 0.28 บาท/หุ้น ประเมิน PER เหมาะสมที่ 20 เท่า โดยการใช้ค่ากลาง (Median) ของหุ้นกลุ่มธุรกิจจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ ที่ลักษณะธุรกิจใกล้เคียงกัน จะได้มูลค่าพื้นฐานที่ 5.50 บาท
โดยคาดกำไรสุทธิปี 2567ที่ 37 ล้านบาท เติบโต 71% และปี 2568 คาดที่ 56 ล้านบาท เติบโต 51% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก 1.การเติบโตจาก Organic Growth รับผลบวกจากอุตสาหกรรมนำเข้าเครื่องมือแพทย์ที่เติบโตเฉลี่ย 8% ในปี 2567-2568
2.เติบโตจากการขยาย Product Line ใหม่เพิ่มขึ้น สินค้ำกลุ่ม วัสดุสิ้นเปลือง ซึ่งถือเป็นธุรกิจที่เข้ามาสม่ำเสมอกว่างบประมาณภาครัฐ ซึ่งช่วยกระจายความเสี่ยงด้านรายได้มากขึ้น
3.เพิ่มสัดส่วนรายได้ Leasing ซึ่งทำให้รายได้เข้ามาสม่ำเสมอมากขึ้น 4. ประสิทธิภาพในการทำกำไรที่ดีขึ้น จากผลของรายได้ที่เพิ่มขยำยไปสู่สินค้าสิ้นเปลืองที่จะมีการสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้น และในปีก่อนมีการตั้งสำรองด้อยค่าสินค้าล้าสมัยราว 7 ล้านบาท โดยคาดอัตรากำไรสุทธิในปีนี้ที่ 7.8% เพิ่มจากปี ก่อนที่ 5.6%