เป็นที่น่าเห็นใจตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสำนักงาน ก.ล.ต. อย่างยิ่ง หลังจากในช่วงที่ผ่านมาพยายามที่จะประชาสัมพันธ์ประเด็นสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดหุ้นไทยในดเนของหลักธรรมาภิบาล แต่ก็ยังไม่วายมีเหล่าบริษัทจดทะเบียน และเหล่าอดีตกรรมการผู้บริหารสร้างเรื่องให้ต้องปวดหัว
ยกตัวอย่างสองเรื่องอื้อฉาวที่เกิดที่เพิ่งจะเกิดขึ้นสดร้อนๆ เรื่องแรกคือการที่คณะกรรมการบริษัท THG หรือ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ตรวจสอบพบว่ามีธุรกรรมที่เป็นเหตุต้องสงสัยของบริษัทย่อยในการสั่งซื้อสินค้าไปแล้ว แต่ไม่มีการส่งมอบสินค้าจริงๆ รวมไปถึงพฤติกรรมการปล่อยเงินกู้ภายในบริษัท
เรื่องอื้อฉาวที่สองก็คือ การที่เหล่าอดีตกรรมการและผู้บริหาร บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA สร้างเรื่องที่ถือว่าผิดหลักธรรมภิบาลอย่างร้ายแรกก็คือการไซฟ่อนเงินออกจากบริษัท การตกแต่งบัญชีเพื่อหลอกผู้สอบบัญชี และส่งข้อมูลเท็จให้กับก.ล.ต. เพื่อปิดบังข้อมูลจริง
สำหรับรายละเอียดของเรื่องแรกก็คือ เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา THG แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ เกี่ยวกับการตรวจพบรายการอันควรสงสัย
โดยคณะกรรมการตรวจสอบ ได้รับทราบข้อมูลการทำรายการอันควรสงสัยของบริษัทย่อย จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ บริษัท โรงพยาบาลธนบุรีบำรุงเมือง จำกัด (THB) ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 83.03 และบริษัท ที เอช เฮลท์ จำกัด (THH) ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 51.22
โดยพบว่า THB และ THH ให้กู้ยืมเงินแก่ บริษัท ราชธานีพัฒนาการ (2014) จำกัด (RTD) ซึ่งเป็นบริษัทที่มีกลุ่มครอบครัววนาสินเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ในเดือนธันวาคมปี 2565 ถึงปี 2566 จำนวนทั้งสิ้น 6 รายการ คิดเป็นยอดเงินรวมทั้งสิ้น 145 ล้านบาท
การที่ THB ให้กู้ยืมเงินแก่ บริษัท ไทย เมดิเคิล กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ RTD เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในปี 2566 จำนวนทั้งสิ้น 1รายการ คิดเป็นยอดเงินรวมทั้งสิ้น 10 ล้านบาท
รวมไปถึงการที่ THH สั่งซื้อสินค้าจากบริษัทซึ่งจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นในประเทศสิงคโปร์ แต่ไม่ได้มีการรับมอบสินค้าจริง ในปี 2566 จำนวนทั้งสิ้น 2 รายการ คิดเป็นยอดเงินรวมทั้งสิ้น 55 ล้านบาท
ก๊วนผู้บริหารเก่าไซฟ่อนเงิน
อีกเรื่องฉาวต่อมาก็คือในฝั่งขอองอดีตกรรมการ และผู้บริหารชุดเก่าที่สร้างเรื่องไว้ และถูกทางก.ล.ต. กล่าวโทษต่อ DSI ก็คือกรณีธุรกรรมการเข้าลงทุนซื้อโรงแรมที่ต่างประเทศในราคาไม่สมเหตุสมผลอย่างมีนัยสำคัญ
รวมไปถึงธุรกรรมการขายห้องชุดของ NUSA ในราคาที่ต่ำกว่าราคาประเมิน อีกทั้งยังการผ่องถ่ายเงินจาก NUSA เข้าบัญชีส่วนตัวและบุคคลใกล้ชิด
และกรณีการแสดงเอกสารและข้อมูลเท็จต่อพนักงานเจ้าหน้าที่และ/หรือ ก.ล.ต. โดยได้นำส่งรายงานของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเป็นเท็จ เพื่อลวงไม่ให้ ก.ล.ต. ทราบมูลค่าที่แท้จริงตามบัญชีของโรงแรมดังกล่าว
ขณะเดียวกันยังพบว่า ได้ทำการตกแต่งบัญชีเพื่อลวงผู้สอบบัญชีของบริษัทให้เชื่อว่า NUSA ได้รับชำระหนี้ค่าห้องชุดครบถ้วนจากบริษัทผู้ซื้อแล้ว เพื่อไม่ให้ผู้สอบบัญชีมีข้อสงสัยในการบันทึกบัญชีของธุรกรรมข้างต้น