บมจ.ฟู้ดโมเม้นท์ (FM) ปีนี้ผลงานเติบโตได้ตามเป้าหมาย ผลจากการเพิ่มกำลังการผลิต ตลาดต่างประเทศโดดเด่นยอดขายพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
ประชากรจีนที่มีกว่า 1.4 พันล้านคน ทำให้จีนกลายเป็นประเทศที่มีกำลังซื้อสูง และเป็นตลาดส่งออกสินค้าที่สำคัญ รวมทั้งการส่งออกผลิตภัณฑ์ เนื้อสัตว์ปีก และผลพลอยได้ไก่แช่แข็งของไทย ซึ่งล่าสุดได้มีข่าวดี โดยน.สพ.สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุว่า สำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ประกาศรายชื่อให้การรับรอง และขึ้นทะเบียนโรงงานผลิต และแปรรูปเนื้อสัตว์ปีก และผลพลอยได้ไก่แช่แข็งของไทย เพิ่มอีก 3 โรง จากเดิมที่ได้รับการรับรอง และส่งออกได้ในปัจจุบัน 23 โรง รวมเป็น 26 โรงงาน
ทั้งนี้ การที่เพิ่มการรับรองโรงงานส่งออกไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างต่อเนื่องนั้น เป็นผลจากความเชื่อมั่นของการมีระบบการควบคุม กำกับ ดูแลของกรมปศุสัตว์ เพื่อให้ได้คุณภาพมาตรฐานตามระบบ GHPs และ HACCP ตามมาตรฐานสากลระดับโลก และเป็นไปตามข้อกำหนดพิธีสารระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทย กับสำนักงานศุลกากรของจีน ว่าด้วยหลักเกณฑ์การตรวจสอบ การกักกัน และสุขอนามัยทางสัตวแพทย์ เพื่อการส่งออกเนื้อสัตว์ปีกแช่แข็งและชิ้นส่วนสัตว์ปีกจากประเทศไทยไปยังประเทศจีน
จีนเป็นคู่ค้าที่สำคัญของประเทศไทย ด้านการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ โดยมีสินค้าผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกแช่แข็งเป็นสินค้าหลัก และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยความสัมพันธ์อันดีระหว่างทั้ง 2 ประเทศ มีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิด ทั้งระดับนโยบายและการปฏิบัติเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้
โดยในปี 66 มูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกแช่แข็งไปยังประเทศจีนจำนวน 16,900 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรก 67 (ม.ค.-มิ.ย.) มีมูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท คาดว่าตลอดปี 67 มีมูลค่ามากกว่า 18,000 ล้านบาท
สำหรับการส่งออกสินค้าผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกแช่เย็น-แช่แข็ง ภาพรวมทั้งหมดของประเทศไทยไปยังประเทศคู่ค้าอื่น ๆ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยมีตลาดที่สำคัญได้แก่ ญี่ปุ่น อังกฤษ ยุโรป มาเลเซีย จีน เกาหลีใต้ เป็นต้น โดยในปี 66 ส่งออกมูลค่า 149,975 ล้านบาท ช่วง 6 เดือนแรกปี 67 (ม.ค.-มิ.ย.) ส่งออกมูลค่า 76,745 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
สถานการณ์การส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกแช่แข็งที่สดใส สร้างโอกาสการเติบโตให้กับผู้ส่งออกของไทย รวมทั้ง บมจ.ฟู้ดโมเม้นท์ (FM) บริษัทประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) โดยมีบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจหลัก 2 ธุรกิจ คือ ผลิตและจำหน่ายไก่ชำแหละ และผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนไก่แปรรูปปรุงสุก
ซึ่งนายณัฐพล ดุษฎีโหนด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มั่นใจ ผลประกอบการในไตรมาส 3/67 จะรับรู้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/67 โดยเฉพาะการผลิตไก่ชำแหละที่เพิ่มขึ้นหนุนธุรกิจไก่แปรรูปปรุงสุก จึงมั่นใจผลประกอบการในไตรมาสนี้จะทำได้ตามเป้า หรือดีกว่าเป้าหมาย และในไตรมาส 4/67 ก็จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผลประกอบการในปี 67 นี้เป็นปีที่สดใส
ลูกค้าหลักที่เป็นพระเอกในปีนี้คือตลาดยุโรป ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกเติบโตเกือบ 2 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และในช่วงครึ่งปีหลังก็ยังจะเติบโตต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบริษัทจะมีลูกค้ากลุ่มใหม่จากเกาหลีที่จะเริ่มส่งออกล็อตแรกในช่วงครึ่งปีหลังปี และกำลังเจรจาลูกค้ารายใหม่จากญี่ปุ่น คาดว่าน่าจะเริ่มส่งออกได้ในปีหน้า
ณ สิ้นเดือน มิ.ย.67 บริษัทมีสัดส่วนลูกค้าส่งออก ได้แก่ ยุโรป 40% ญี่ปุ่น 28% จีน 19% มาเลเซีย 13% โดยปีหน้าคาดว่าสัดส่วนลูกค้าจากเกาหลีจะอยู่ที่ 10% อย่างไรก็ดี บริษัทได้วางเป้าหมายตลาดส่งออกที่ตลาดยุโรป 35% ญี่ปุ่น 35% ที่เหลือเป็นตลาดอื่น ๆ เช่น จีน เกาหลี มาเลเซีย เป็นต้น เพื่อสร้างความสมดุลของพอร์ต
ส่วนลูกค้าแถบตะวันออกกลาง บริษัทจะเริ่มส่งออกไก่ชำแหละหรือไก่สดในไตรมาส 4/67 ช่วงแรกราว 500 ตัน ขณะเดียวกันตลาดไก่สดในจีนก็มีโอกาสขยายตัวหลังจากบราซิล ซึ่งเป็นผู้ส่งออกไก่รายใหญ่ประสบปัญหาโรคระบาดในไก่
สำหรับแผนงานขยายกำลังการผลิตในไตรมาส 3/67 จะขยายการผลิตไก่แปรูปปรุงสุกเฟสแรก จาก 2.7 หมื่นตัน/ปี เป็น 3 หมื่นตัน/ปี หรือเพิ่มขึ้น 10-15% ใช้เงินลงทุน 250 ล้านบาทเริ่มผลิตได้ในไตรมาส 2/68 จากนั้นในช่วงกลางปี 68 จะขยายกำลังการผลิตเฟส 2 เพิ่มอีก 6 พันตัน/ปี เป็น 3.6 หมื่นตัน/ปี เท่ากับเพิ่มกำลังการผลิต 20% จากปัจจุบัน ใช้เงินลงทุน 300 ล้านบาท คาดจะเริ่มผลิตได้เต็มกำลังในไตรมาส 1 หรือไตรมาส 2 ของปี 69
ส่วนไก่ชำแหละจะเริ่มขยายกำลังผลิตในช่วงกลางปี 68 เช่นกันเพื่อรองรับกับการผลิตไก่แปรูปปรุงสุกที่เพิ่มขึ้น โดยจะเพิ่มกำลังผลิตไก่ชำแหละจาก 1.44 แสนตัว/วัน เป็น 1.8 แสนตัว/วัน เพิ่มขึ้น 25% ใช้เงินลงทุน 350 ล้านบาท คาดจะเริ่มผลิตได้ ในไตรมาส 1 หรือ ไตรมาส 2 ปี 69
ประชากรจีนที่มีกว่า 1.4 พันล้านคน ทำให้จีนกลายเป็นประเทศที่มีกำลังซื้อสูง และเป็นตลาดส่งออกสินค้าที่สำคัญ รวมทั้งการส่งออกผลิตภัณฑ์ เนื้อสัตว์ปีก และผลพลอยได้ไก่แช่แข็งของไทย ซึ่งล่าสุดได้มีข่าวดี โดยน.สพ.สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุว่า สำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ประกาศรายชื่อให้การรับรอง และขึ้นทะเบียนโรงงานผลิต และแปรรูปเนื้อสัตว์ปีก และผลพลอยได้ไก่แช่แข็งของไทย เพิ่มอีก 3 โรง จากเดิมที่ได้รับการรับรอง และส่งออกได้ในปัจจุบัน 23 โรง รวมเป็น 26 โรงงาน
ทั้งนี้ การที่เพิ่มการรับรองโรงงานส่งออกไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างต่อเนื่องนั้น เป็นผลจากความเชื่อมั่นของการมีระบบการควบคุม กำกับ ดูแลของกรมปศุสัตว์ เพื่อให้ได้คุณภาพมาตรฐานตามระบบ GHPs และ HACCP ตามมาตรฐานสากลระดับโลก และเป็นไปตามข้อกำหนดพิธีสารระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทย กับสำนักงานศุลกากรของจีน ว่าด้วยหลักเกณฑ์การตรวจสอบ การกักกัน และสุขอนามัยทางสัตวแพทย์ เพื่อการส่งออกเนื้อสัตว์ปีกแช่แข็งและชิ้นส่วนสัตว์ปีกจากประเทศไทยไปยังประเทศจีน
จีนเป็นคู่ค้าที่สำคัญของประเทศไทย ด้านการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ โดยมีสินค้าผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกแช่แข็งเป็นสินค้าหลัก และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยความสัมพันธ์อันดีระหว่างทั้ง 2 ประเทศ มีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิด ทั้งระดับนโยบายและการปฏิบัติเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้
โดยในปี 66 มูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกแช่แข็งไปยังประเทศจีนจำนวน 16,900 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรก 67 (ม.ค.-มิ.ย.) มีมูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท คาดว่าตลอดปี 67 มีมูลค่ามากกว่า 18,000 ล้านบาท
สำหรับการส่งออกสินค้าผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกแช่เย็น-แช่แข็ง ภาพรวมทั้งหมดของประเทศไทยไปยังประเทศคู่ค้าอื่น ๆ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยมีตลาดที่สำคัญได้แก่ ญี่ปุ่น อังกฤษ ยุโรป มาเลเซีย จีน เกาหลีใต้ เป็นต้น โดยในปี 66 ส่งออกมูลค่า 149,975 ล้านบาท ช่วง 6 เดือนแรกปี 67 (ม.ค.-มิ.ย.) ส่งออกมูลค่า 76,745 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
สถานการณ์การส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกแช่แข็งที่สดใส สร้างโอกาสการเติบโตให้กับผู้ส่งออกของไทย รวมทั้ง บมจ.ฟู้ดโมเม้นท์ (FM) บริษัทประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) โดยมีบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจหลัก 2 ธุรกิจ คือ ผลิตและจำหน่ายไก่ชำแหละ และผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนไก่แปรรูปปรุงสุก
ซึ่งนายณัฐพล ดุษฎีโหนด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มั่นใจ ผลประกอบการในไตรมาส 3/67 จะรับรู้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/67 โดยเฉพาะการผลิตไก่ชำแหละที่เพิ่มขึ้นหนุนธุรกิจไก่แปรรูปปรุงสุก จึงมั่นใจผลประกอบการในไตรมาสนี้จะทำได้ตามเป้า หรือดีกว่าเป้าหมาย และในไตรมาส 4/67 ก็จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผลประกอบการในปี 67 นี้เป็นปีที่สดใส
ลูกค้าหลักที่เป็นพระเอกในปีนี้คือตลาดยุโรป ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกเติบโตเกือบ 2 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และในช่วงครึ่งปีหลังก็ยังจะเติบโตต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบริษัทจะมีลูกค้ากลุ่มใหม่จากเกาหลีที่จะเริ่มส่งออกล็อตแรกในช่วงครึ่งปีหลังปี และกำลังเจรจาลูกค้ารายใหม่จากญี่ปุ่น คาดว่าน่าจะเริ่มส่งออกได้ในปีหน้า
ณ สิ้นเดือน มิ.ย.67 บริษัทมีสัดส่วนลูกค้าส่งออก ได้แก่ ยุโรป 40% ญี่ปุ่น 28% จีน 19% มาเลเซีย 13% โดยปีหน้าคาดว่าสัดส่วนลูกค้าจากเกาหลีจะอยู่ที่ 10% อย่างไรก็ดี บริษัทได้วางเป้าหมายตลาดส่งออกที่ตลาดยุโรป 35% ญี่ปุ่น 35% ที่เหลือเป็นตลาดอื่น ๆ เช่น จีน เกาหลี มาเลเซีย เป็นต้น เพื่อสร้างความสมดุลของพอร์ต
ส่วนลูกค้าแถบตะวันออกกลาง บริษัทจะเริ่มส่งออกไก่ชำแหละหรือไก่สดในไตรมาส 4/67 ช่วงแรกราว 500 ตัน ขณะเดียวกันตลาดไก่สดในจีนก็มีโอกาสขยายตัวหลังจากบราซิล ซึ่งเป็นผู้ส่งออกไก่รายใหญ่ประสบปัญหาโรคระบาดในไก่
สำหรับแผนงานขยายกำลังการผลิตในไตรมาส 3/67 จะขยายการผลิตไก่แปรูปปรุงสุกเฟสแรก จาก 2.7 หมื่นตัน/ปี เป็น 3 หมื่นตัน/ปี หรือเพิ่มขึ้น 10-15% ใช้เงินลงทุน 250 ล้านบาทเริ่มผลิตได้ในไตรมาส 2/68 จากนั้นในช่วงกลางปี 68 จะขยายกำลังการผลิตเฟส 2 เพิ่มอีก 6 พันตัน/ปี เป็น 3.6 หมื่นตัน/ปี เท่ากับเพิ่มกำลังการผลิต 20% จากปัจจุบัน ใช้เงินลงทุน 300 ล้านบาท คาดจะเริ่มผลิตได้เต็มกำลังในไตรมาส 1 หรือไตรมาส 2 ของปี 69
ส่วนไก่ชำแหละจะเริ่มขยายกำลังผลิตในช่วงกลางปี 68 เช่นกันเพื่อรองรับกับการผลิตไก่แปรูปปรุงสุกที่เพิ่มขึ้น โดยจะเพิ่มกำลังผลิตไก่ชำแหละจาก 1.44 แสนตัว/วัน เป็น 1.8 แสนตัว/วัน เพิ่มขึ้น 25% ใช้เงินลงทุน 350 ล้านบาท คาดจะเริ่มผลิตได้ ในไตรมาส 1 หรือ ไตรมาส 2 ปี 69