จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : FM มั่นใจผลงานปี 67 สดใส ตลาดต่างประเทศเติบโตแกร่ง


27 กันยายน 2567
บมจ.ฟู้ดโมเม้นท์ (FM) ปีนี้ผลงานเติบโตได้ตามเป้าหมาย  ผลจากการเพิ่มกำลังการผลิต  ตลาดต่างประเทศโดดเด่นยอดขายพุ่งขึ้นต่อเนื่อง

รายงานพิเศษ  FM copy.jpg
 
ประชากรจีนที่มีกว่า 1.4 พันล้านคน ทำให้จีนกลายเป็นประเทศที่มีกำลังซื้อสูง และเป็นตลาดส่งออกสินค้าที่สำคัญ รวมทั้งการส่งออกผลิตภัณฑ์ เนื้อสัตว์ปีก และผลพลอยได้ไก่แช่แข็งของไทย  ซึ่งล่าสุดได้มีข่าวดี  โดยน.สพ.สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ระบุว่า สำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ประกาศรายชื่อให้การรับรอง และขึ้นทะเบียนโรงงานผลิต และแปรรูปเนื้อสัตว์ปีก และผลพลอยได้ไก่แช่แข็งของไทย เพิ่มอีก 3 โรง จากเดิมที่ได้รับการรับรอง และส่งออกได้ในปัจจุบัน 23 โรง รวมเป็น 26 โรงงาน
 
ทั้งนี้ การที่เพิ่มการรับรองโรงงานส่งออกไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างต่อเนื่องนั้น เป็นผลจากความเชื่อมั่นของการมีระบบการควบคุม กำกับ ดูแลของกรมปศุสัตว์ เพื่อให้ได้คุณภาพมาตรฐานตามระบบ GHPs และ HACCP ตามมาตรฐานสากลระดับโลก และเป็นไปตามข้อกำหนดพิธีสารระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทย กับสำนักงานศุลกากรของจีน ว่าด้วยหลักเกณฑ์การตรวจสอบ การกักกัน และสุขอนามัยทางสัตวแพทย์ เพื่อการส่งออกเนื้อสัตว์ปีกแช่แข็งและชิ้นส่วนสัตว์ปีกจากประเทศไทยไปยังประเทศจีน
 
จีนเป็นคู่ค้าที่สำคัญของประเทศไทย ด้านการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ โดยมีสินค้าผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกแช่แข็งเป็นสินค้าหลัก และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยความสัมพันธ์อันดีระหว่างทั้ง 2 ประเทศ มีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิด ทั้งระดับนโยบายและการปฏิบัติเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้
 
โดยในปี 66 มูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกแช่แข็งไปยังประเทศจีนจำนวน 16,900 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรก 67 (ม.ค.-มิ.ย.) มีมูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท คาดว่าตลอดปี 67 มีมูลค่ามากกว่า 18,000 ล้านบาท
 
สำหรับการส่งออกสินค้าผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกแช่เย็น-แช่แข็ง ภาพรวมทั้งหมดของประเทศไทยไปยังประเทศคู่ค้าอื่น ๆ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยมีตลาดที่สำคัญได้แก่ ญี่ปุ่น อังกฤษ ยุโรป มาเลเซีย จีน เกาหลีใต้ เป็นต้น โดยในปี 66 ส่งออกมูลค่า 149,975 ล้านบาท ช่วง 6 เดือนแรกปี 67 (ม.ค.-มิ.ย.) ส่งออกมูลค่า 76,745 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
 
สถานการณ์การส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกแช่แข็งที่สดใส สร้างโอกาสการเติบโตให้กับผู้ส่งออกของไทย รวมทั้ง บมจ.ฟู้ดโมเม้นท์ (FM) บริษัทประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) โดยมีบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจหลัก 2 ธุรกิจ คือ ผลิตและจำหน่ายไก่ชำแหละ และผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนไก่แปรรูปปรุงสุก
 
ซึ่งนายณัฐพล ดุษฎีโหนด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มั่นใจ ผลประกอบการในไตรมาส 3/67 จะรับรู้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/67 โดยเฉพาะการผลิตไก่ชำแหละที่เพิ่มขึ้นหนุนธุรกิจไก่แปรรูปปรุงสุก จึงมั่นใจผลประกอบการในไตรมาสนี้จะทำได้ตามเป้า หรือดีกว่าเป้าหมาย และในไตรมาส 4/67 ก็จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผลประกอบการในปี 67 นี้เป็นปีที่สดใส
 
ลูกค้าหลักที่เป็นพระเอกในปีนี้คือตลาดยุโรป ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกเติบโตเกือบ 2 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และในช่วงครึ่งปีหลังก็ยังจะเติบโตต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบริษัทจะมีลูกค้ากลุ่มใหม่จากเกาหลีที่จะเริ่มส่งออกล็อตแรกในช่วงครึ่งปีหลังปี และกำลังเจรจาลูกค้ารายใหม่จากญี่ปุ่น คาดว่าน่าจะเริ่มส่งออกได้ในปีหน้า
 
ณ สิ้นเดือน มิ.ย.67 บริษัทมีสัดส่วนลูกค้าส่งออก ได้แก่ ยุโรป 40% ญี่ปุ่น 28% จีน 19% มาเลเซีย 13%  โดยปีหน้าคาดว่าสัดส่วนลูกค้าจากเกาหลีจะอยู่ที่ 10%  อย่างไรก็ดี บริษัทได้วางเป้าหมายตลาดส่งออกที่ตลาดยุโรป 35% ญี่ปุ่น 35% ที่เหลือเป็นตลาดอื่น ๆ เช่น จีน เกาหลี มาเลเซีย เป็นต้น เพื่อสร้างความสมดุลของพอร์ต
 
ส่วนลูกค้าแถบตะวันออกกลาง บริษัทจะเริ่มส่งออกไก่ชำแหละหรือไก่สดในไตรมาส 4/67 ช่วงแรกราว 500 ตัน ขณะเดียวกันตลาดไก่สดในจีนก็มีโอกาสขยายตัวหลังจากบราซิล ซึ่งเป็นผู้ส่งออกไก่รายใหญ่ประสบปัญหาโรคระบาดในไก่
 
สำหรับแผนงานขยายกำลังการผลิตในไตรมาส 3/67 จะขยายการผลิตไก่แปรูปปรุงสุกเฟสแรก  จาก 2.7 หมื่นตัน/ปี เป็น 3 หมื่นตัน/ปี หรือเพิ่มขึ้น 10-15% ใช้เงินลงทุน 250 ล้านบาทเริ่มผลิตได้ในไตรมาส 2/68 จากนั้นในช่วงกลางปี 68 จะขยายกำลังการผลิตเฟส 2 เพิ่มอีก 6 พันตัน/ปี เป็น 3.6 หมื่นตัน/ปี เท่ากับเพิ่มกำลังการผลิต 20% จากปัจจุบัน ใช้เงินลงทุน 300 ล้านบาท คาดจะเริ่มผลิตได้เต็มกำลังในไตรมาส 1 หรือไตรมาส 2 ของปี 69
 
ส่วนไก่ชำแหละจะเริ่มขยายกำลังผลิตในช่วงกลางปี 68 เช่นกันเพื่อรองรับกับการผลิตไก่แปรูปปรุงสุกที่เพิ่มขึ้น โดยจะเพิ่มกำลังผลิตไก่ชำแหละจาก 1.44 แสนตัว/วัน เป็น 1.8 แสนตัว/วัน เพิ่มขึ้น 25% ใช้เงินลงทุน 350 ล้านบาท คาดจะเริ่มผลิตได้ ในไตรมาส 1 หรือ ไตรมาส 2 ปี 69
FM